เกมนี้ทำให้ "ลิโอเนล เมสซี่" นั้นดูธรรมดาไปเลยเมื่อ "เซร์กิโอ รามอส" โหม่งเตะมุมพา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กระซวกแผลเก่า "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า 2-1 แถมหลังจบเกม "บิคเตอร์ บัลเดส" มาโดนใบแดงเพราะไปด่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ากรรมการฐานที่ไม่ให้จุดโทษแก่ฝ่ายตน ทำให้ตอนนี้ "ราชันชุดขาว" บีบช่องว่างเหลือ 13 แต้มกับเกมที่ยังเหลือให้เล่นอีก 12 นัด
ฟุตบอลลาลีกา
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2556
เรอัล มาดริด 2-1 บาร์เซโลน่า
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เข้าสู่ช่วงแรกเล่นมาได้ 6 นาที "ราชัน" เล่นงานใส่บาร์เซโลน่าทันทีเมื่อโมราต้าลากบอลหนีอัลเวสทางด้านซ้ายก่อนครอสมาให้เบนเซม่าแปที่เสาไกลเข้าไปอย่างง่ายดายให้เจ้าบ้านนำ 1-0
การพลาดท่าให้เบนเซม่าทะลวงตาข่ายทำให้"อาซูลกราน่า"เสียประตูติดต่อกันเป็นนัดที่ 13 ซึ่งครั้งสุดท้ายที่แนวรับพวกเขาย่ำแย่เช่นนี้คงต้องย้อนไปถึงปี 1962 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามพอถึงนาที 18 ยอดทีมแคว้นคาตาลันก็มาตีเสมอ 1-1 เมื่อเมสซี่รับบอลจากอัลเวสเข้าไปดวลกับรามอสทางด้านขวาของเขตโทษก่อนลากตัดเข้าในมายิงยัดเสาแรกตุงตาข่าย
ประตูที่เมสซี่ทำได้ส่งผลให้ยอดสอยตาข่ายใน"เอล กลาซิโก้"เทียบเท่ากับตำนานเรอัล มาดริดอย่างอัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ที่ 18 ลูกแถมยังเป็นการจัดประตูที่ 50 ของซีซั่นในทุกรายการด้วย
ทีมของรูร่าเล่นได้ดีขึ้นหลังโดนเบนเซม่ายิงประตูขึ้นนำก่อน โดยพวกเขาต่อบอลได้ดูดีกว่าเกมเมื่อวันอังคาร ขณะที่อิเนียสต้าก็มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมมากกว่าตอนที่มีเชสอยู่ในสนาม
นาที 32 บีญ่าพาบอลลุยขึ้นมาทางฝั่งซ้ายก่อนผ่านเข้ากลางไปให้เมสซี่ที่บริเวณหัวกระโหลกซึ่งแข้งอาร์เจนไตน์เห็นช่องระหว่างรามอสกับวารานเลยจัดการซัลโวบอลพุ่งไปตรงตัวโลเปซ
เจ้าบ้านน่าได้ประตูนำอีกครั้งในนาที 39 เมื่อโมดริชได้จังหวะตั้งป้อมเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาข้ามไปให้โมราต้าทีวิ่งสอดขึ้นมาเข้าโหม่งที่เสาไกลไปเข้าตาข่ายข้างทำให้สกอร์หยุดอยู่ที่ 1-1
ต่อมาในช่วงครึได้ถึ่งหลังนาทีที่ 52 "บาร์ซ่า"ใช้รูปแบบการเข้าทำอย่างที่ถนัดเมื่อเมสซี่ได้บอลที่หัวกระโหลกก่อนไหลออกขวาให้อัลเวสที่โอเวอร์แล็ปขึ้นมาเปิดย้อนกลับมาให้ชาร์จแต่ไม่ทัน
นาที 58 "อาซูลกราน่า"น่าเป็นฝ่ายขึ้นนำบ้างเมื่อเมสซี่ไหลบอลให้บีญ่าหลุดเข้าไปล่อเป้าโลเปซในกรอบเขตโทษด้านซ้ายทว่าวารานโผล่เข้ามาในห้วงวินาทีสุดท้ายบล็อกบอลออกหลังได้ทัน
นาทีถัดมาโรนัลโด้ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทนเบนเซม่าก็มาสับขาหลอกกินฟาวล์จากปิเก้นอกกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้ายจนทำให้อดีตกองหลังแมนฯยูรับใบเหลืองไปตามระเบียบ
นาที 65 เปเป้มาเรียกฟาวล์พ่วงใบเหลืองจากทางอัลกันตาร่าได้แล้วก็เป็นโรนัลโด้ที่ก้าวมาซัดฟรีคิกจากระยะ 35 หลาบอลพุ่งเข้าหากรอบประตูแต่บัลเดสดีดตัวปัดบอลออกหลังได้ได้
พอเรอัล มาดริดส่งโรนัลโด้ลงมาเกมรุกของพวกเขาก็เหมือนปลากระดี่ได้น้ำหลังนาที 70 ปีกโปรตุกีสเล่นลากบอลฝ่าด่านกองหลังบาร์เซโลน่าเข้าไปทางซ้ายของเขตโทษแล้วกดเข้าข้างตาข่าย
"โลส บลังโกส"สมควรขึ้นนำอีกครั้งอย่างถึงที่สุดในนาที 76 เมื่อเปเป้จ่ายบอลสุดเนียนให้โมราต้าหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดติดเซฟของบัลเดสนิดเดียวทำให้บอลเบนทิศพ้นกรอบประตูไป
แต่แล้วนาที 82 เรอัล มาดริดก็มาบวกลูกสองได้สำเร็จเมื่อโมดริชเปิดลูกเตะมุมทางด้านซ้ายมาที่เสาแรกแล้วรามอสที่เทคตัวได้สูงกว่าปิเก้ก็โหม่งเข้าตุงตาข่ายให้ทีมนำอีกครั้ง 2-1
นำลูกเดียวเหมือนจะไม่พอสำหรับฝั่งเรอัล มาดริดภายหลังนาที 87 โรนัลโด้ได้จังหวะปั่นฟรีคิกระยะถนัดซึ่งก็ตะบันเต็มข้อไปกระแทกเสาอย่างจังชนิดบัลเดสหมดสิทธิป้องกันไปแล้ว
เรื่องดราม่ามาเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายเมื่อรามอสไปดักอาเดรียโน่ล้มลงในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินไม่ได้มอบจุดโทษให้แก่ทีมเยือน สุดท้ายพอเป่าจบเกมเลยโดนแข้ง"อาซูลกราน่า"กรูเข้าไประท้วงก่อนลงเอยด้วยการที่บัลเดสโดนใบเหลืองแล้วตามด้วยใบแดง
ผลจากการที่เรอัล มาดริดเปิดบ้านซิวบาร์เซโลน่า 2-1 ในนัดนี้ทำให้พวกเขาบีบช่องว่างลงมาเหลือ 13 คะแนนกับเกมที่ยังมีให้เล่นอีก 12 นัด
