เมษายน 26, 2024, 07:33:12 PM

ผู้เขียน หัวข้อ: แดงเดือด~!! "ผีแดง" เปิดบ้านเชือดคอ "หงส์แดง" เลือดสาด 2-1 นำฝูงต่อ~!!  (อ่าน 2517 ครั้ง)

888Bullets

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2127
    • ดูรายละเอียด
"ปีศาจแดง" อาศัยความคมในการเก็บแต้มที่มีมากกว่า โดยได้ "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" และ "เนมันย่า วิดิช" ลำเลียงกระสุนเบียดเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลคู่ปรับที่ "ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์" ทำสถิติลง 2 นัดยิง 2 ลูกกู้หน้าพ่ายพะอืดพะอม 2-1 นำ "เรือใบ" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 แต้มเหมือนเคย



พรีเมียร์ ลีก
วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 1 ลิเวอร์พูล
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด

             ออกสตาร์ทเกมช่วงแรกผ่าน 10 นาทีแรก เกมเป็นของ "ทัพผี" มากกว่าในเรื่องของการครองบอลคตามสไตล์ที่พวกเขาได้เล่นในถิ่นของตัวเอง ซึ่งลิเวอร์พูลเองไม่กังวลอะไรอยู่แล้ว เพราะเน้นเกมชัวร์ไว้ก่อน โอกาสค่อยหา ไม่ยาก

นอกจากความสำคัญเรื่องคะแนนแล้ว เกมแดงเดือดทุกครั้งมีศักศรีดิ์เข้ามาเกี่ยว ทำให้การไหลของบอลในจังหวะบุกของทั้งสองทีมมันไม่ได้เคลื่อนหน้าตั้งอย่างเดียว ต้องเน้นความชัวร์ด้วย เลยสู้กันซะมาก โอกาสยิงยังไม่เปิด

เกมระดับนี้อย่าได้พลาดเชียว เพราะในนาทีที่ 19 แนวรับลิเวอร์พูลเหม่อกันไปเอง วิสดอมยืนห่างจากด้านข้าง โดนเอฟร่าที่รับบอลมาจากเคลฟเวอร์ลี่ย์กระชากจี้เข้าหาก่อนเปิดยัดเข้ากลางให้ฟาน เพอร์ซี่ที่ลูบปากรอยืนตั้งศูนย์แปด้วยซ้ายเน้นๆ บอลพุ่งเลียดผ่านมือเรน่าเข้าไปประตูไป แมนฯยูไนเต็ดได้ไวเลย 1-0

แม้ว่าจะโดนค่อนข้างเร็วในเกมที่มาเยือนแบบนี้ แต่ลิเวอร์พูลไม่มีอาการเมาหมักแต่อย่างใด เซ็ตเกมลุยกันใหม่ แต่รวมๆก็ไม่ได้ต่างจากเดิมคือได้บุกแต่ไม่ถึงไหนมาก จริงๆถ้าแมนฯยูไนเต็ดไม่ได้ประตูของฟาน เพอร์ซี่ก็คงไม่ต่างเท่าไหร่

นาทีที่ 34 พลาดโอกาสทำประตูไปเหมือนกันสำหรับเวลเบ็ค จังหวะแรกเขาได้ส้มหล่นจากความผิดพลาดที่ลิเวอร์พูลจ่ายมั่วกันเอง แตะหนีไปตวัดยิงในเขตโทษได้ แต่ติดแอกเกอร์ที่พุ่งบล็อกทัน ก่อนมีอีกจังหวะกระชากเข้าไปในเขตโทษ มีฟาน เพอร์ซี่รออยู่ตรงกลาง แต่แข้งโก๋แดนเลือกฝืนยิงด้วยซ้ายแม้มุมจะแคบ บอลเลยพุ่งออกไปไกล

นาทีที่ 41 เอาซะมุมกล้องหลอกตากันเลยกับจังหวะนี้ที่ยังคล้องเปิดเข้าเขตโทษเวลเบ็คขึ้นโหม่งเช็ดก่อนที่บอลจะไปตกลงหน้าของเคลฟเวอร์ลี่ย์ที่วิ่งมาบวกวอลเล่ย์ด้วยซ้าย แต่บอลมันพุ่งติดไซด์เลี้ยวหนีเสาประตูเฉี่ยวออกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก คาร์ริคจัดการโชว์จังหวะวางบอลสุดสวยยาวไปให้กับราฟาเอลเกี่ยวลงในเขตโทษ แม้ว่าจะเสียหลักแต่ก็จิ้มต่อให้ฟาน เพอร์ซี่ที่โฉบมาไขว้หวังให้ไกลเข้าเสา แต่ติดบล็อกซะก่อน ต่อเนื่องเลยคากาวะวิ่งมาพยายามซ้ำดาบสองแต่ไม่โดนปั้มเข้ากับเรน่าจังเบอร์ จังหวะเคลียร์ไปแล้ว แต่เรน่ายังลุกไม่ขึ้น จนต้องมีการหยุดเกมเพื่อให้มาดูอาการ

จบ 45 นาทีแรก ดูจากเกมแล้วต้องบอกเลยว่าแมนฯยูไนเต็ดน่าเสียดายที่ยังไม่ได้ลูกสองเพราะพวกเขามีโอกาสจะๆอยู่ 2 ครั้งแต่ลิเวอร์พูลก็ยังช่วยกันได้ดี ต้องดูว่านำอยู่แค่ 1-0 แบบนี้ครึ่งหลังจะมีการพลิกสถานการณ์กันเกิดขึ้นหรือไม่

                ต่อมาในช่วงครึ่งหลังทั้งสองทีมมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นเหมือนกัน แมนฯยูไนเต็ดถอดยังที่มีอาการบาดเจ็บออกไปแล้วให้วาเลนเซียลงทำหน้าที่แทน ส่วนลิเวอร์พูลก็ให้สเตอร์ริดจ์ได้ประเดิมในพรีเมียร์ ลีกกับทีม แล้วเอาลูคัสที่มีใบเหลืองติดตัวอยู่ออก

นาทีที่ 54 เป็นปีที่น่าจดจำของเอฟร่าจริงๆ เพราะเขามีส่วนในการทำประตูอีกแล้ว จากจังหวะฟรีคิกของฟาน เพอร์ซี่ที่สเคอร์เทลไปเหนี่ยวเวลเบ็คแบบเจตนาทั้งที่จะหลุดแล้วก่อนรับใบเหลือง แข้งดัตช์ปั่นบอลไปเสาสอง เอฟร่ามาจากไหนไม่รู้สอดขึ้นโขกบอลแฉลบไหล่ของวีดิชนิดหนึง ทำให้พุ่งดิ่งลงชิ่งพื้นเข้าประตูไป เรน่ารับไม่ไหวจริงๆ เกมห่าง 2-0 แล้ว

มันชักจะมันส์ขึ้นเรื่อยๆแล้ว เมื่อลิเวอร์พูลมาเอาคืนอย่างทันควันจากจังหวะที่แมนฯยูไนเต็ดเล่นประมาทโคตรๆจ่ายบอลกันเสียหน้าประตู เจอร์ราร์ดเลยได้สับไกยิงนอกกรอบ เด เกอาพุ่งปัดเข้าสูตรเดิมเหมือนที่เคยเสีย เมื่อโดนสเตอร์ริดจ์วิ่งเข้าซ้ำสบายแฮ เป็นประตูแรกของเขาในสีเสื้อ 'หงส์แดง' ไล่มาเป็น 2-1 ยังไม่ยอมง่ายๆ

นาทีที่ 64 ถ้าเข้าไปนี่สวยน่าดู สำหรับจังหวะของคากาวะที่เข้าเก็บตกบอลซึ่งเวลเบ็คจ่ายติดกองหลัง บรรจงปั่นอ้อมก่ะให้เสียบเสาแรก แต่เรน่าอ่านทางเยี่ยมพุ่งบินปัดทิ้งได้ทันหวุดหวิด

แลก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีลิเวอร์พูลก็ส่งบอรินี่ลงไปเล่นแทนสเตอร์ลิ่งซึ่งฟอร์มไม่กระดิกสักนิด แถมยังแอบหวงบอลไปด้วย

กลายเป็นเข้าฟอร์มประจำฤดูกาลนี้ยังไงก็ไม่รู้สำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่เสียบอลกันง่ายดาย ผิดกับครึ่งแรกลิบลับ จ่ายเป็นเสีย โดยเฉพาะในแดนกลางที่ความผิดพลาดมีเยอะขึ้น ลิเวอร์พูลเลยได้กดดันต่อเนื่อง เผลอๆเดี๋ยวได้มีเสมอ

เข้า 15 นาทีสุดท้าย เกมบีบสุดๆเลยในตอนนี้เพราะประตูต่อไปมันจะพลิกโฉมหน้าได้ทั้งนั้นและทั้งสองทีมก็ถือว่ามีโอกาสไม่ต่างกันที่จะทำในจุดนั้น ส่วนแมนฯยูไนเต็ดส่งส่งโจนส์ลงไปเล่นแทนคากาวะเพื่อเน้นเกมรับและความแน่นในการปะทะให้มากขึ้น

ตอนนี้เป็นเกมของลิเวอร์พูลเกือบๆจะทั้งหมด เพราะแน่นอนว่าแมนฯยูไนเต็ดคงไม่กล้าเสี่ยง เฟอร์กี้เพิ่งส่งสมอลลิ่งแทนวีดิช ด้านลิเวอร์พูลจัดเฮนเดอร์สันแทนอัลเลน เหลือไม่ถึง 10 นาทีแล้ว

เป็นจังหวะที่แทบจะหยุดหายใจ เพราะลิเวอร์พูลวิ่งเข้าไปในเขตโทษของแมนฯยูไนเต็ด แย่งบอลขลุกคลิกไปมาแทบหาไม่เห็นว่าหล่นอยู่ตีนใคร สุดท้ายทะลักถึงสเตอร์ริดจ์ที่ยืนรองบอลอยู่วิ่งมาบวก แต่หลุดคานออกไป

จบ 90 นาทีที่แสนจะบีบหัวใจ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะลิเวอร์พูลไป 2-1 ยังคงห่างกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ชนะเช่นกันที่ 7 คะแนนเหมือนเดิมและนี่ก็เป็นการเก็บชัย 4 เกมติดของพวกเขาด้วย

ด้านลิเวอร์พูลต้องมาสะดุดพ่ายอีกเกม มี 31 คะแนนเท่าเดิมยังไม่กระดิกกระเดี้ยวไปไหน

www.888scoreonline.net นำเสนอ ผลฟุตบอล อัพเดทรวดเร็วทันใจ