เมษายน 20, 2024, 11:24:17 PM

ผู้เขียน หัวข้อ: "อาดิดาส" กับความคิดที่จะนำ "เมสซี่" ออกจาก "บาร์เซโลน่า"!!  (อ่าน 2002 ครั้ง)

Reporter

  • Member
  • Hero Member
  • *
  • กระทู้: 1019
    • ดูรายละเอียด
       ถ้าจะบอกว่านักเตะคนไหนที่ย้ายทีมแล้วจะเป็นข่าวใหญ่โตมากที่สุด หรือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มากที่สุด แฟนบอลหลายคนคงเลือกตอบว่า “ลิโอเนล เมสซี่” ดาวยิงอัจฉริยะของทีมอาซูกราน่า บาร์เซโลน่าเป็นแน่ เพราะเจ้าตัวนั้นเล่นให้บาร์เซโลน่ามาตั้งแต่เป็นสมัยเยาวชน แถมยังมีเรื่องของความรัก ความผูกพันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากบาร์เซโลน่านั้นนำเมสซี่มาฟูมฟักตั้งแต่เด็กๆ ไหนจะเรื่องของค่าฉีกสัญญาที่มโหฬารถึง 205 ล้านปอนด์อีก คือว่ากันตรงๆด้วยเหตุดังกล่าวนั้น แทบจะมีความเป็นไปได้เลยที่เมสซี่จะย้ายออกจากทีมบาร์เซโลน่า

       แต่ทว่าก็อยู่หนึ่งข่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับการย้ายทีมของเมสซี่ และเพิ่งจะถูกเปิดเผยออกมา ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นข่าวที่ไรสาระ แต่จะว่าไปเมื่อพิจารณาเนื้อข่าวให้ดีผมว่ามีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งยังทำให้เราได้เข้าใจโลกของธุรกิจฟุตบอลมากขึ้นเยอะอีกด้วย สำหรับเนื้อหาข่าวที่ว่านั้นก็เป็นประมาณว่าเมื่อช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้นทางลิโอเนล เมสซี่มีโอกาสที่จะได้ย้ายทีมไปอยู่กับ รีล มาดริด เชลซี หรือไม่ก็บาเยิร์น มิวนิค เพราะทางด้านอาดิดาส สเปอนเซอร์ชุดแข่งของสามทีมยักษ์ใหญ่ดังกล่าวนั้นยินดีจะช่วยทีมเหล่านั้นจ่ายค่าฉีกสัญญาของเมสซี่ให้ประมาณครึ่งนึงเลยทีเดียว หากว่าทีมไหนต้องการซื้อเมสซี่ไปร่วมทีม

       เท่ากับว่าราคาที่ทีมเหล่านั้นต้องจ่ายเป็นค่าฉีกสัญญาของเมสซี่นั้นอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านปอนด์เท่านั้น ถึงจะดูเป็นสถิติโลกแต่เทียบกับคุณภาพของนักเตะ แน่นอนว่าคุ้มสำหรับการลงทุน กระนั้นถามว่าทำไมอาดิดาสต้องทำแบบนั้นด้วย คำตอบก็คืออาดิดาสเป็นคู่แข่งกับไนกี้ ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ชุดแข่งของทัพอาซูกราน่า พวกเขาจึงต้องการดึงนักเตะอย่างเมสซี่มาเพื่อเสริมสร้างแบรนด์ของเขา ประมาณว่าต้องการหวังผลทางธุรกิจ ต้องการเอาชนะคู่แข่งนั่นแหละ แต่บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือเมสซี่ไม่ต้องการย้ายทีมไปไหน อาดิดาสจึงไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว และในสามทีมยักษ์ใหญ่ที่ว่าก็ไม่ได้มีทีมไหนที่ได้เงินช่วยเหลือค่าฉีกสัญญาของเมสซี่จากอาดิดาสในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามน่าสนใจมกๆว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นอาดิดาสทำอย่างนี้กับนักเตะชื่อดังรายอื่นๆอีกหรือเปล่า? และถ้าทำแล้วประสบความสำเร็จ ไนกี้จะตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกันนี้ไหม