เมษายน 20, 2024, 02:13:17 PM

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
11

       ว่ากันเป็นภาษาบ้านๆก็ต้องบอกว่ามันแน่อยู่แล้วงานนี้ ที่ทางด้านของจิ้กจอกสยามจะต้องพบเจอกับความยากลำบากในการรั้งตัวนักเตะคนสำคัญ ที่เป็นหนึ่งในคีย์แมนในการพาทีมลุ้นคว้าแชมป์ลีกซีซั่นนี้อย่าง ริยาด มาห์เรซ ให้อยู่กับทีมต่อไป เพราะจากฟอร์มอันยอดเยี่ยมโดดเด่นของนักเตะในซีซั่นนี้ ซึ่งถึงขนาดปาดหน้าแข้งดาวดังประจำพรีเมียร์ลีกคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอไปครองนั้น ทำให้หลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป กำลังเตรียมกางแผนยื่นข้อเสนอทาบทามนักเตะแบบเป็นเรื่องเป็นราวกันแล้ว

       ทั้งนี้ ร็อบเบน ปีกตัวเก่งของทีม บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ได้รับการตามจีบจากหลาสโมสรใหญ่พร้อมกันมาก่อนแล้วเมื่อสมัยโชว์ฟอร์มพีค และอายุอานามพอๆกับวัยของ ริยาด มาห์เรซ นั้นกล่าวถึงสถานการณ์ของตัวรุกของทีมจิ้กจอกสยามแบบคาดการณ์ในซัมเมอร์นี้ว่า

       "จากที่ผมเห็นกับตาตัวเอง รวมถึงได้ยินได้ฟังจากคนอื่นมามันก็ชัดเจนมากๆว่า เขาคือนักเตะที่เก่งมากทีเดียว เขาคือนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอล จะว่าไปนี่มันอาจเป็นเรื่องที่เป็นผลเสียต่อพวกเขาเองก็ได้นะ เพราะในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ผลงานของสโมสรก็ดีมันก็กำลังมีหลายสโมสรที่จะแย่งตัวเขาไป ผลงานของเขามันโดดเด่นมากๆแต่สไตล์ของทีมที่เน้นการเล่นเป็นทีมมันก็เอื้อประโยชน์กับเขาทุกอย่างมันดี ทว่ามันจะเป็นงานยากแน่ที่จะรั้งตัวเขาไว้"

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าทาง อาร์เยน ร็อบเบน จะกล่าวออกมาแบบมั่นอกมั่นใจว่าการรั้งตัวนักเตะต่อไปของทางเลสเตอร์ในซัมเมอร์นี้ จะเป็นเรื่องยากลำบากแต่ก็ไม่ถือว่าแฟนบอลทีมจิ้กจอกสยามจะหมดหวังได้เห็นนักเตะค้าแข้งต่อไปในถิ่น คิงพาวเวอร์ สเตเดี้ยม ซีซั่นหน้าซะทีเดียวเพราะเมื่อเร็วๆนี้นักเตะก็เพิ่งจะออกมากล่าวปฏิเสธโอกาสที่จะย้ายไปเล่นกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ในลีกเอิงฝรั่งเศสทั้งยังได้ยืนยันว่าชื่นชอบฟุตบอลอังกฤษ และมีความสุขดีกับการเล่นให้ทีมจิ้กจอก
12

       นอกจากจะต้องสู้กันในภาคสนามแข่งกันคว้าแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อการเป็นแชมป์ลีกแล้ว ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส และ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังต้องสู้กันด้วยสงครามจิตวิทยาอีกงานนี้ เมื่อเป็นทางด้านของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ นายใหญ่ไฟแรงของทีมไก่เดือยทองที่ออกมาพูดจาโยนความกดดันเข้าใส่ทีม จิ้กจอกสยาม หลังจากที่ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกคนสำคัญของจิ้กจอกต้องโดนแบนจากการโดนใบเหลืองสองใบเป็นใบแดง และจากกรณีแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมไปต่อว่าผู้ตัดสินหลังเหตุการณ์ดังกล่าว

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันไปหลังเกม เลสเตอร์ เจ๊ากับ เวสต์แฮม เจมี่ วาร์ดี้ ถูกเอฟเอตั้งข้อหาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมจากการเข้าไปสบถใส่ผู้ตัดสิน ซึ่งนั่นจะทำให้เจ้าตัวโดนแบนเพิ่มอีกเกม

       โดยที่ความเคลื่อนไหวล่าสุด ทีมจิ้กจอกสยาม ได้ตอบรับข้อกล่าวหาของนักเตะแล้ว ไม่มีการอุทธรณ์ใดๆ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือทีมไก่เดือยทองคู่แข่งหนึ่งเดียวของ เลสเตอร์ ในการลุ้นแย่งแชมป์ซีซั่นนี้ซึ่งมีคะแนนตามหลังอยู่เพียงห้าคะแนน ขณะที่เกมการแข่งขันของทั้งสองทีมในซีซั่นนี้ก็เหลืออีกทีมละ 4 เกมเท่านั้น กล่าวไซโคถึงสถานการณ์นี้ว่า

       "นี่คือเหตุการณ์ที่จะเป็นผลกระทบในด้านลบอย่างมากต่อ เลสเตอร์ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ วาร์ดี้ คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของลีก มันแน่นอนล่ะว่าเลสเตอร์ยังมีผู้เล่นเก่งๆอีกหลายคน ที่พวกเขาสามารถเล่นในสไตล์เดียวกันกับวาร์ดี้ได้ และสามารถส่งลงสนามไปแทนได้ แต่ก็นั่นแหละผมว่าวาร์ดี้คือกองหน้าคนนึงที่เก่งที่สุดในลีกของเรา"

       อย่างไรก็ตามแม้ว่า โปเช็ตติโน่ จะโยนจิตวิทยากดดันใส่ทีมของ รานิเอรี่ เต็มๆแต่ก่อนหน้านี้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนก็เพิ่งจะได้ออกมากล่าวในเชิงรักษาขวัญกำลังใจของทีมเช่นกันว่า ทีมของเขานั้นพร้อมที่จะสู้กันต่อเสมอแม้ว่าจะไร้ วาร์ดี้ ในเกมหนึ่งถึงสองเกมต่อจากนี้ก็ตาม
13
ข่าวฟุตบอล / 'คล็อป' เผยเป็นห่วงอาการบาดเจ็บ 'โอริกี้'!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ เมษายน 23, 2016, 01:22:42 AM »

       ต้องบอกว่าทำให้บรรดาเดอะค็อปต้องลุ้นเหนื่อยเหมือนกันงานนี้ สำหรับการออกมากล่าวเผยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของ ดีว็อค โอริกี้ จาก เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของทีมซึ่งเป็นไปทำนองรู้สึกเป็นห่วงว่าอาการของนักเตะจะหนักหนาหรือเปล่า แม้ว่าในเบื้องต้นจะมีการยืนยันแล้วว่า กระดูกข้อเท้านักเตะไม่ได้หักแต่อย่างใดก็ตาม

       ทั้งนี้อาการบาดเจ็บที่บริเวณข้อเท้าของ โอริกี้ เกิดขึ้นในเกมลีกนัดล่าสุดที่ทางหงส์แดงเปิดแอนฟิลด์ไล่ยำ เอฟเวอร์ตัน ไป 4-0

       โดยกองหน้าตัวเก่งทีมชาติเบลเยี่ยมเป็นผู้ซัลโวประตูนำ 1-0 ให้กับหงส์แดงในครึ่งเวลาแรก แต่ในระหว่างเกมการแข่งขันครึ่งเวลาหลังนักเตะมาโดนทำฟาล์วหนักใส่จาก ฟูเนส โมลี่ กองหลังทีมเยือนกระทั่งต้องถูกเปลี่ยนออกสนาม และเป็น แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ลงไปเล่นแทน

       อย่างไรก็ตามจังหวะการทำฟาล์วรุนแรงใส่ที่ข้อเท้า โอริกี้ นั้นส่งผลให้ ฟูเนส โมลี่ ถูกผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามไปด้วย

       คล็อปป์กล่าวถึงอาการบาดเจ็บของนักเตะหลังเกมว่า "แน่นอนผมรู้สึกแฮปปี้กับชัยชนะที่ได้ แต่การบาดเจ็บของโอริกี้มันก็บั่นทอนความสุขของผมลงไปเช่นกัน ผมคงจะพูดวิจารณ์อะไรมากมายไม่ได้เกี่ยวกับจังหวะ (จังหวะที่ฟูเนส โมลี่เสียบเข้าใส่โอริกี้) แต่หลายคนบอกว่ามันเป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก ข้อเท้าของโอริกี้ไม่ได้หักแต่มันเป็นลักษณะของอาการบิดเราจะต้องรอดูอาการนักเตะกันอีกที"

       "ตอนนี้เขาต้องใช้ไม่เท้าช่วยในการเดิน ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังดูมีความสุขอยู่ แต่ก็นั่นแหละมันน่าเป็นห่วง และเราต้องรอการเช็คอาการว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน"

       โอริกี้ ในช่วงหลังถือได้ว่ากลายเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปแล้วโดยนักเตะมักจะถูกเรียกใช้งานก่อน แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ด้วยซ้ำหากว่าทั้งคู่ฟิตสมบูรณ์พร้อมกัน ดังนั้นการต้องมาบาดเจ็บไปในช่วงที่ฟอร์มกำลังเข้าฟักแบบนี้จึงถือเป็นเรื่องน่าเสียดายกับทั้งทีมและตัวนักเตะอย่างยิ่ง
14
ข่าวฟุตบอล / 'โรนัลโด้' เจ็บโคนขารอเช็คอาการ!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ เมษายน 23, 2016, 01:13:48 AM »

       ต้องบอกว่าอาจจะเดือดร้อนทีมราชันชุดขาวในช่วงโค้งท้ายของซีซั่นนี้ได้เหมือนกัน สำหรับอาการบาดเจ็บของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่บริเวณโคนขาซึ่งเกิดขึ้นในเกมลีกนัดล่าสุดที่ เรอัล มาดริด ไล่อัด บียาร์เรอัล ไป 3-0

       ทั้งนี้ศึก ลาลีกา สเปน ในช่วงไม่กี่เกมหลังของซีซั่นนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับราชันชุดขาว เพราะอาซูกราน่า บาร์เซโลน่า ที่เหมือนจะนำโด่งและคว้าแชมป์ในซีซั่นนี้ได้แบบสบายๆ กลับฟอร์มออกทะเลพลาดทำแต้มหกหล่นในหลายเกมที่ผ่านมา

       กระทั่งทำตอนนี้ราชันชุดขาวลดช่องว่างระหว่างคะแนนได้เหลือเพียงแค่ 1 คะแนนแล้วเท่านั้น เรียกว่ามีโอกาสดีมากๆเลยที่จะเบียดแซงคว้าแชมป์ได้ จากการเร่งฟอร์มในช่วงไม่กี่เกมสุดท้าย ดังนั้นหากว่าต้องมาเสีย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงคนสำคัญที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักไปในช่วงเวลาแบบนี้ จึงถือเป็นเรื่องเสียหายหนักแน่นอน

       สำหรับอาการบาดเจ็บของ โรนัลโด้ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกมที่ทาง เรอัล มาดริด พบกับ บียาร์เรอัล โดยทันทีที่นักเตะแสดงอาการว่าเจ็บบริเวณโคนขา ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือทัพลอสบลังกอสก็ตัดสินใจเปลี่ยนตัวนักเตะออกจากสนามในทันที ด้วยเกรงว่าอาการบาดเจ็บของนักเตะนั้นจะรุนแรง

       อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้ก็ยังคงต้องรอเช็คอาการนักเตะอย่างละเอียดอีกที จึงจะทราบผลว่าระดับความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่โคนขาของ โรนัลโด้ นั้นมากน้อยแค่ไหน โดยซีดานกล่าวเผยกับสื่อถึงประเด็นนี้ว่า

       "คริสเตียโน่ รู้สึกได้ถึงอาการบาดเจ็บบางอย่างแต่ผมเองไม่คิดว่ามันจะมีอะไรรุนแรงหรอกนะ ผมบางทีเขาอาจวิตกเกินไป ใช่ ผมหวังว่าอาการของนักเตะจะไม่รุนแรง แต่อย่างไรเราก็จะมีการเช็คอาการของเขาในวันพรุ่งนี้ โดยธรรมชาติแล้วผู้เล่นอย่างเขาก็ควรที่จะได้พักบ้างไม่ใช่ลงเล่นเต็มเกมอยู่ตลอด แต่ความต้องการของเขามันสวนทางกันตัวเขาต้องการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง นั่นแหละอาจเป็นสาเหตุ"
15

       ได้ลุ้นกันสนุกจริงๆเลยงานนี้สำหรับการขับเคี่ยวแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของสองทีมอย่างไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส และจิ้กจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ เพราะหลังจากผ่านเกมการแข่งขันนัดที่ 34 ของทั้งสองทีมไปแล้วตอนนี้ไก่เดือยทอง รองจ่าฝูงสามารถลดช่องว่างคะแนนได้เหลือเพียงแค่ห้าคะแนนเท่านั้น หลังก่อนหน้านี้ตามหลังอยู่เจ็ดคะแนนจากผลงานในเกมบุกทุบช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ คาถิ่นบริทาเนีย สเตเดี้ยมยับเยินถึง 4-0

       ทั้งนี้เกมนัดที่ 34 ทีม จิ้กจอกสยาม ลงคิกออฟไปก่อนหน้าไก่เดือยทองแล้ว และทำได้เพียงแค่เสมอกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดไป 2-2 เก็บเพิ่มได้แต้มเดียว ทำให้ในก่อนเกมที่บริทาเนียในนัดมันเดย์ไนท์ ทีมเยือนไก่เดือยทองมีกำลังใจมากทีเดียวที่จะคว้าสามคะแนนเพื่อลดช่องว่างแต้มที่ตามหลังลง

       และผลที่ออกมาก็เป็นดังคาดไก่เดือยทองอาศัยกำลังใจที่มากล้นก่อนเกมไล่ต้อนเจ้าบ้านไปเละเทะ โดยได้ประตูออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 9 จาก แฮรี่ เคน กองหน้าฟอร์มฮอตโดยการทำแฮสซิสของ มุตซ่า เดมเบเล่ ครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 67 เดเล่ อาลี บวกสกอร์ที่สองให้หนีห่างเป็น 2-0 จากนั้นอีกเพียงสี่นาทีถัดมา แฮรี่ เคน ก็มาบวกสกอร์ที่สองของตนเองในเกมนี้และกลายเป็นสกอร์ส่งทีมเยือนนำห่างเป็น 3-0 ก่อนที่จะเป็น เดเล่ อาลี อีกครั้งที่มาบวกสกอร์ที่สองของตนเองเช่นกันในนาทีที่ 82 กลายเป็นประตูนำ 4-0 และเป็นสกอร์ปิดเกมไปในที่สุด

       สำหรับอันดับในตารางคะแนนหลังเกมการแข่งขันก็ดังที่กล่าวไปแล้ว สเปอร์ส นั้นจี้ เลสเตอร์ เหลือห่างแค่ห้าแต้มแล้วขณะที่เหลือเกมการแข่งขันอีกเพียงสี่เกม ด้านช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ ถือว่าไม่มีอะไรเสียหายนักพวกเขารั้งอยู่อันดับเก้าของตารางคะแนนมี 47 แต้มรอดพ้นการตกชั้นแน่นอนแล้ว ขณะเดียวกันเรื่องจะลุ้นพื้นที่ฟุตบอลถ้วยยุโรปก็เป็นเรื่องยากที่ดูจะไกลเกินไปแล้วเช่นกัน
16
ข่าวฟุตบอล / สุดเซ็ง! 'ซีดาน' เผย 'เบนซ์' ผิดหวังชวดเล่นยูโร!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ เมษายน 17, 2016, 11:05:54 PM »

       เรียกว่าเป็นอะไรที่น่าผิดหวังสุดๆไปเลย สำหรับการออกมากล่าวเปิดเผยถึงความรู้สึกของ คาริม เบนเซม่า หัวหอกเฟร้นแมนจาก ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือ เรอัล มาดริด และเพื่อนร่วมชาติของนักเตะ เกี่ยวกับประเด็นที่นักเตะโดนทีมชาติฝรั่งเศสหั่นชื่อออกจาก 23 นักเตะที่จะได้ลุย ศึกฟุตบอลยูโร รอบสุดท้ายที่ดินแดนบ้านเกิดในซัมเมอร์นี้

       ทั้งนี้ดังทราบกันว่าช่วงก่อนหน้านี้ คาริม เบนเซม่า ตกเป็นข่าวฉาวเรื่องคดีแบล็คเมล์ มาติเยอ วัลบูเอน่า นักเตะเกมรุกของทีมโอลิมปิก ลียง ทีมดังแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส จากเหตุนี้เองทำให้ทางสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส หรือเอฟเอฟเอฟ ได้มีการปรึกษาหารือกับ ดิดิเยร์ เดชองส์ กุนซือทัพเลเบลอ ก่อนที่จะมีการประกาศยืนยันการหั่นชื่อกองหน้าราชันชุดขาว ออกจากหนึ่งในขุนพลตราไก่ที่จะได้ติดธงไปลุยศึกยูโรรอบสุดท้าย

       อย่างไรก็ตาม ซีดาน นายใหญ่ เรอัล มาดริด ที่กล่าวเผยแล้วว่าจะไม่เข้าไปมีส่วนใดๆกับกรณีนี้ ได้เผยถึงความรู้สึกของนักเตะผ่านสื่อ หลังจากทราบว่าจะไม่ลงเล่นทัวร์นาเม้นท์สำคัญว่า "ผมได้มีโอกาสคุยกับเขาแล้ว ผมเองจะไม่ยุ่งเกี่ยวใดๆกับการตัดสินใจของเอฟเอฟเอฟ ที่เลือกตัดเขาออกจากทีมชาติแต่พูดเลยว่านักเตะหัวเสียมากกับเรื่องนี้ เขาเสียใจและก็ผิดหวังมาก เพราะเขาตั้งใจที่จะช่วยทีมในรายการนี้ เขารู้ตัวว่ามีดีพอที่จะช่วยทีมได้ เขาคือหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่"

       "อย่างไรก็ช่าง ผมเองยังมั่นใจในตัวนักเตะและเชื่อว่าเขาจะเดินหน้าทำงานที่ดีต่อไปได้ แต่เรื่องว่ามันยุติธรรมหรือเปล่าที่ตัดชื่อเขาออก นั่นผมตอบไม่ได้หรอกนะบอกได้เพียงว่า ผมจะอยู่เคียงข้างนักเตะของผมเหมือนเดิม"

       สำหรับ เบนเซม่า ในซีซั่นนี้ถือว่ามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับ เรอัล มาดริด โดยสถิติการทำประตูใน ลาลีกา สเปน ของนักเตะนั้น เฉลี่ยเกือบจะยิงทุกๆเกมเลยด้วย

17

       ต้องยกให้เป็นหนึ่งแมทสุดดราม่าแห่งซีซั่นนี้แน่นอนสำหรับแมทการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปใบเล็ก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายคู่ระหว่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล พบเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เพราะจากที่ทำท่าว่าจะเป็นทีมเยือนเสือเหลืองที่เอาชนะ และผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศต่อไปค่อนข้างแน่นอนแล้วจากสกอร์นำถึง 3-1 ณ นาทีที่ 66 ของเกมการแข่งขัน รวมผลสองเกมนำอยู่ 4-2

       กลับกลายเป็นว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไปจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านรัวยิงสามประตูแซงชนะไปด้วยสกอร์ 4-3 รวมสองเกมเข้ารอบด้วยสกอร์ 5-4 หน้าตาเฉย

       ทั้งนี้ก่อนเกมการแข่งขันที่แอนฟิลด์หงส์แดง เจ้าบ้านถือว่ากุมความได้เปรียบอยู่เล็กน้อยจากการเก็บอเวย์โกลมาได้ด้วยผลบุกไปเสมอเสือเหลืองที่ซิกนัล อิดูน่าพาร์ค 1-1 แต่กระนั้นเจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่คนเก่งชาวเยอรมันก็ประกาศไว้แล้วว่าอเวย์โกลดังกล่าวจะไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นต่อเกมนัดที่สอง และโอกาสลุ้นเข้ารอบต่อไปของทีม (เพราะยังไงก็จะเดินหน้าเล่นเกมบุกเพื่อเอาชนะให้ได้สถานเดียว)

       เมื่อเกมเริ่มขึ้นก็เป็นไปอย่างที่นายใหญ่จอมบู๊ว่าไว้ทั้งสองทีมเดินหน้าเล่นเกมรุกใส่กันทันที และเป็นทีมเยือนที่ได้เฮก่อนจากประตูนำ 1-0 ของมาร์คิตายานตั้งแต่นาทีที่ 5 ต่อด้วยการทำช็อกแฟนบอลเจ้าบ้านในอีกสี่นาทีถัดมาด้วยประตูหนีห่างเป็น 2-0 ของปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้

       ครึ่งเวลาหลังเริ่มเกมไปได้สามนาที ดีว็อค โอริกี้ หัวหอกเจ้าบ้านมายิงตีไข่แตกให้หงส์แดงไล่ตามมาเป็น 2-1 ทว่าเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 57 มาร์โค รอยส์ ก็มายิงดับความหวังแฟนบอลเดอะค็อปอีกครั้งส่งทีมเยือนนำห่างเป็น 3-1

       ก่อนที่ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จะเกิดดราม่าดับความหวังและความฝันของทีมเยือนแทนเมื่อ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ยิงให้เจ้าบ้านไล่มาเป็น 3-2 นาทีที่ 66 มามาดู ซาโก้ โขกตีเสมอให้เป็น 3-3 นาทีที่ 78 และ เดยัน ลอฟเรน ทำประตูพลิกแซงนำจนกลายเป็นประตูชัย 4-3 ของเจ้าบ้านไปในที่สุด
18

       เรียกว่าหวังจะใช้เป็นตั๋วไปลุย ฟุตบอลยูโร 2016 รอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศสกันเลยทีเดียวสำหรับการซัดแฮตทริกของ แอนดี้ แคร์โรลล์ หัวหอกร่างยักษ์ใหญ่ในเกม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ อาร์เซน่อล เพราะหลังเกมดังกล่าวนักเตะออกมากล่าวเผยกับสื่อว่า ฟอร์มการเล่นวันนี้น่าจะทำให้ตนเองยังพอลุ้นถูก รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ทัพสิงโตคำรามเรียกตัวไปติดธงลุยทัวร์นาเม้นท์ที่ฝรั่งเศส แม้ว่าเวลานี้กองหน้าทีมชาติอังกฤษจะมีให้เลือกใช้สอยมากมายก็ตาม

       ทั้งนี้ดังที่หลายคนทราบกันดีอังกฤษในยุคปัจจุบันของ รอย ฮ็อดจ์สัน ถือว่าเป็นช่วงเวลานึงที่มีตัวเลือกกองหน้าฝีเท้าดีให้ใช้งานมากที่สุด ทั้งจากการแจ้งเกิดใหม่ของกองหน้าอายุน้อยอย่าง แฮรี่ เคน จากทีมท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส ทั้งการหายกลับมาจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังของกองหน้าคุณภาพ “แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์” จากลิเวอร์พูลและยังมีนักเตะที่สามารถเค้นฟอร์มอันสุดยอดออกมาได้ในช่วงปลายๆอาชีพอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ อีก

       ดังนั้นเรื่องของการเรียกนักเตะกองหน้าไปเป็นส่วนนึงของ 23 ขุนพลนักเตะสิงโตคำรามที่จะได้ลุยยูโรรอบสุดท้าย จึงเป็นหนึ่งเรื่องที่น่าลุ้นน่าติดตามมากไม่ว่าจะแฟนบอลหรือตัวนักเตะเองก็ตาม

       อย่างไรก็ตาม แอนดี้ แคร์โรล ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดสามประตูใส่ทีมปืนโต ในเกมลอนดอนดาบี้แมท เวสต์แฮม พบ อาร์เซน่อล และจะได้อยู่ในหนึ่งแคนดิเดทสำคัญในการพิจารณาเลือกกองหน้าของ รอย ฮ็อดจ์สัน ด้วยแน่นอน

       แอนดี้ แคร์โรล กล่าวหลังเกมว่า "มันเป็นเกมที่ยากทีเดียว และมันก็น่าผิดหวัง (ที่ไม่ได้ชัยชนะ) แต่สองประตูที่ทำได้ต่อเนื่อง(ในครึ่งเวลาหลังและแซงนำอาร์เซน่อล) มันก็เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน สำหรับเรื่องโอกาสถูกเรียกตัวติดธงแน่นอน มันแทบไม่ต้องสงสัยมีความเป็นไปได้เลยล่ะจากผลงานวันนี้ กระนั้นเวลานี้ผมก็จะโฟกัสแค่การลงเล่นให้เวสต์แฮมไปทีละเกมเท่านั้น"
19

       เริ่มต้นคิกออฟกันแล้วสำหรับศึกฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่รอบก่อนรองชนะเลิศ หรือว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายนั่นเอง ซึ่งผลการแข่งขันของสองคู่แรกที่ออกมานั้น ต้องบอกว่าไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากที่คาดการณ์กันไว้สักเท่าไหร่

       โดยที่สเปนสนามคัมป์นูของอาซูกราน่า บาร์เซโลน่า เป็นเจ้าบ้านที่เปิดรังเฉือนตราหมี แอตฯมาดริด คู่แข่งร่วมลีกเดียวกันไป 2-1

       ขณะที่เกมที่เยอรมัน สนามอัลลิอันซ์ อารีน่าบ้านของ เสือใต้  เจ้าบ้านเอาชนะทีมเหยี่ยวลิสบอน “เบนฟิก้า” ไปได้ 1-0

       สำหรับเกมที่คัมป์นูเริ่มต้นเกมเป็นทีมเยือนที่บุกมาสร้างความช็อกให้กับแฟนบอลเจ้าบ้านก่อน เมื่อเป็นฝ่ายไปได้ประตูออกนำ 1-0 จากเฟร์นานโด ตอร์เรส นาทีที่ 25 จากการแอสซิสโดยโกเก้ และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้

       แต่ในครึ่งเวลาหลังเป็น หลุยส์ ซัวเรซ อดีตเด็กเก่าหงส์แดงเช่นเดียวกับทางตอร์เรสมาสวมบทฮีโร่กู้ชีพให้เจ้าบ้าน โดยเหมาทำสองประตูเป็นประตูตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 63 จากการแอสซิสโดย จอร์ดี้ อัลบา และประตูชัย 2-1 นาทีที่ 74 จากการแอสซิสโดย แดนนี่ อัลเวส

       ส่วนรูปเกมการแข่งขันที่เกิดขึ้นตลอดทั้งเกมนั้น ก็ต้องบอกว่าไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากที่แฟนบอลคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วนั่นก็คือการครองเกมครองบอลส่วนใหญ่เป็นของเจ้าบ้าน โดยบาร์ซ่าครองบอลมากกว่าตราหมีถึง 69%-31% แต่ทีมเยือนก็มีจังหวะโต้กลับอยู่เป็นระยะๆเหมือนกัน

       สำหรับที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า หนึ่งประตูโทนของเจ้าบ้านเสือใต้ได้จาก อาตูโร่ วิดัล ตั้งแต่นาทีที่ 2 ของเกมการแข่งขัน แต่รูปเกมตลอดทั้งเกม 90 นาทีก็คล้ายๆกันกับที่คัมป์นู เจ้าบ้านเสือใต้เป็นฝ่ายครองเกม ทำเกมรุกใส่ตลอดทั้งเกมแต่จังหวะสุดท้ายของพวกเขานั้นไม่เฉียบคมพอทำให้ไม่อาจได้ประตูเพิ่มเติม (บาเยิร์นครองบอลมากกว่า 64%-36% และสร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์รวมได้ถึง 12 ครั้ง)
20

       เรียกว่าเจ็บนี้ไม่มีวันลืมเลยทีเดียวสำหรับประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัยของ อังเคล ดิ มาเรีย ในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดของทีมปีศาจแดงเมื่อซีซั่นที่แล้ว เพราะแม้ว่านักเตะจะย้ายออกจากทีมปีศาจแดงไปซบตักปาริเซียงได้เกือบหนึ่งซีซั่นเต็มแล้ว แต่ก็ยังไม่วายตามจวกอดีตนายเก่าอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ทำนองว่าเป็นเหตุให้ตนเองต้องล้มเหลวกับทีมปีศาจแดง

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันว่า ดิ มาเรีย ย้ายจาก เรอัล มาดริด ซบตัก ปีศาจแดง ด้วยค่าตัวชนิดทำลายสถิติเกาะอังกฤษพร้อมๆกับความคาดหวังอันมากล้นจากทั้งสโมสร แฟนบอล รวมถึงสื่อที่จับตามอง

       ซึ่งตัวนักเตะก็สามารถออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ท่ามกลางคำชื่นชมจากหลายๆฝ่าย ทว่าหลังจากเวลาผ่านไปไม่นานสถานการณ์กลับตาลปัตร นับวันฟอร์มการเล่นของนักเตะยิ่งสาละวันเตี้ยลง ทั้งยังถูกกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล จับลงเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด พร้อมกับแท็คติกที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดผิดธรรมชาติของเจ้าตัว

       กระทั่งหนักถึงขั้นหลุดลงไปเป็นตัวสำรอง และในที่สุดเรื่องราวก็ลงเอยด้วยการที่นักเตะได้ย้ายซบทีม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา

       ดิ มาเรีย ที่กลับมาเล่นได้ยอดเยี่ยมอีกครั้งในถิ่นปาร์ก เดอ แพร้งส์กล่าวถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกับ หลุยส์ ฟาน กัล ผ่านสื่อว่า

       "แน่นอนล่ะว่าพูดไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีนะ สำหรับประสบการณ์ที่ผ่านแต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือพวกเขา ไม่ยอมให้ผมลงเล่นในตำแหน่งที่ควร ดูสิเมื่อผมย้ายออกไปทีมนี้ก็ยังเหมือนเดิม พวกเขาเล่นในรูปแบบเดิมจนตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว ในรายการลีกก็หมดลุ้นแชมป์ไปนานแล้ว"

        "ผมไม่คิดว่าจะเป็นตัวผมหรือเพื่อนร่วมทีมนะที่สมควรถูกตำหนิ (ต้องเป็นกุนซือมากกว่า) ทุกครั้งที่ผมได้โอกาสลงสนามผมพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่เสมอ ดังนั้นเหตุผมของผมที่ย้ายออกมามันจึงไม่ใช่แค่การไม่มีความสุขเท่านั้น ดูเอาสิวันนึงผมลงเล่นในตำแหน่งหนึ่งและทำประตูได้ดีด้วย ทว่าเกมถัดไปกลับต้องไปเล่นอีกตำแหน่งนึง"
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10