เมษายน 20, 2024, 09:02:39 AM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - 888Bullets

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 142
16
คริสตัล พาเลซ - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 05 พฤษภาคม 2557
เวลา : 02:00 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 2



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

คริสตัล พาเลซ :
              "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ทีมน้องใหม่จากการทำงานของ "โทนี่ พูลิส" ปลอดภัยจากการตกชั้นเรียบร้อย เมื่อเก็บแต้มได้ 43 แต้ม แม้นัดก่อนโดนแมนฯ ซิตี้ บุกหวด 2-0 สัปดาห์ก่อนก็ตาม

สำหรับการเปิดเซลเฮิร์สท์ พาร์ค รับทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล คืนวันจันทร์นี้ ถือว่าพูลิสมีทัพใหญ่ให้เลือกใช้บริการ โดย คากิโช่ ดิคกาชอย กองกลางจอมลุยชาวแอฟริกาใต้ ที่พลาดเกมรับเรือใบสีฟ้ากลับมาฟิตอีกครั้งแล้ว จากการเปิดเผยของกุนซือชาวเวลส์เอง

แม้จะการันตีการอยู่รอดเรียบร้อยแล้ว ทว่าพูลิสยืนยันเน้นเต็มที่กับเกมเหย้านัดสุดท้ายของฤดูกาล ไม่ใช่เพราะเป็นตัวแปรการลุ้นแชมป์ของหงส์แดง แต่หมายถึงศักดิ์ศรี

อดีตนายใหญ่สโต๊ค พร้อมจัดทัพใหญ่ลงบู๊ โดยแกนหลักๆ ที่ช่วยกันคว้าชัยชนะมาห้านัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกก่อนถูกแมนฯ ซิตี้ ดับเมื่อสัปดาห์ก่อน ยังอยู่พร้อมหน้า นำโดย ฮูเลียน สเปโรนี่ นายประตูจอมหนึบ ที่จะเฝ้าเสาหลังแนวรับที่ยังใช้ โจเอล วอร์ด ในตำแหน่งแบ็กซ้าย

ส่วนแดนกลาง เจสัน พันเชียน ฮีโร่ที่กดสี่ตุงในห้านัดล่าสุด กระชากทางริมเส้นร่วมกับ ยานนิค โบลาซี่ โดยมี ดิคกาชอย เข้าเติมความแข็งแกร่งตรงกลางสนามคู่ ไมล์ เยดินัค พร้อมกับที่ โจ เล็ดลี่ย์ ถูกดันขึ้นไปเล่นบทหน้าต่ำหลัง คาเมรอน เจอโรม ปล่อยให้ มารูอาน ชามัค นั่งสำรอง

ลิเวอร์พูล :
               "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ภายใต้การทำงานของกุนซือหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนืออย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังต้องสู้ถึงที่สุดในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก แม้สถานการณ์เป็นรองแมนฯ ซิตี้ อยู่ หลังสัปดาห์ก่อนพลาดท่าถูกเชลซีหวดคาบ้าน 2-0 หยุดสถิติชัยชนะไว้ที่ 11 ติดต่อกัน

ความพร้อมก่อนเกมนัดมันเดย์ไนต์ที่ลอนดอนใต้ มีรายงานว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ยังต้องรอประเมินความฟิตอีกครั้งว่า จะพร้อมออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหรือไม่ หลังจากที่ดาวยิงทีมชาติอังกฤษที่หวดไป 23 ลูก เป็นแค่สำรองสัปดาห์ก่อน หลังหายจากอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า

อย่างไรก็ตาม ร็อดเจอร์ส ยังจะอดใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์จอมขยัน ที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้ายจากทั้งหมดสามเกม ทำให้ต้องนั่งชมเช่นเดียวกับ โฆเซ่ เอ็นริเก้ กับ เซบาสเตียน โคอาเตส สองกองหลังที่พักยาวไป

กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ พร้อมจัดทัพลุยแหลกหวังคว้าชัยวัดกับแมนฯ ซิตี้ ให้ถึงที่สุด โดย ซิมง มิโญเล่ต์ จะเฝ้าเสา หลังแผงแบ็กโฟร์ที่ส่อใช้ มามาดู ซาโก้ คู่ มาร์ติน สเคอร์เทล ต่อไป โดยมี เกล็น จอห์นสัน กับ จอน ฟลานาแกน ขนาบข้าง

ส่วนแดนกลางมีกัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่หวังฟื้นจากความผิดหวังนัดก่อน ผนึกกำลัง โจ อัลเลน และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ขณะที่แนวรุกใช้งานเจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ลิง ในบทบาทหน้าต่ำหลังคู่หอก สเตอร์ริดจ์ ที่น่าฟิตลงล่าตาข่ายคู่ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวซัลโว 30 เม็ด
 
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

คริสตัล พาเลซ :
(4-4-1-1) : ฮูเลียน สเปโรนี่ - อาเดรียน มาริอัปป้า, สกอตต์ แดนน์, เดเมี่ยน เดลานี่ย์, โจเอล วอร์ด - เจสัน พันเชียน, ไมล์ เยดินัค, คากิโช่ ดิคกาชอย, ยานนิค โบลาซี่ - โจ เล็ดลี่ย์ - คาเมรอน เจอโรม 

ลิเวอร์พูล :
(4-1-2-1-2) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้, จอน ฟลานาแกน - สตีเว่น เจอร์ราร์ด - โจ อัลเลน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - ราฮีม สเตอร์ลิง - แดเนียล สเตอร์ริดจ์, หลุยส์ ซัวเรซ

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

             "พาเลซ" นั้นเรียกว่าตอนนี้สบายตัวไปแล้ว เหมือนเล่นให้ครบโปรแกรมเท่านั้น แต่ทว่าเกมนี้ต้องกับงานช้างเลย เพราะเกมนี้ "หงส์แดง" มาเยือนด้วยความมุ่งมั่นเต็มที่และต้องเน้นหนักแน่ เพราะเพิ่งจะเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้ "เรือใบสีฟ้า" ไป แถมศักยภาพโดยรวมของ "หงส์แดง" ก็เหนือบานเบอะ เจ้าถิ่นเองก็เล่นแบบไร้แรงจูงใจ จึงเชื่อว่าอาคันตุกะต้องเปิดหน้าบุกแหลกใส่เป็นแน่ พร้อมบดเอาชนะไปได้ในท้ายที่สุด 

17

             "โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ" กุนซือเลทเกมของทีม "ท็อฟฟี่พลังช้าง" เอฟเวอร์ตัน มองโลกในแง่ดีถึงแม้ว่าจะพึ่งแพ้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คาบ้านไป 2-3 ทำให้วืดโควต้าแชมเปี้ยนส์ ลีกแน่นอนแล้ว พร้อมหนุน "รอย ฮอดจ์สัน" กุนซือทาถูให้เรียก "รอสส์ บาร์คลีย์" ติดทีมชาติอังกฤษด้วย

ความพ่ายแพ้ดังกล่าวทำให้ "เอฟเวอร์ตัน" ตามหลังทีมอันดับ 4 อย่าง "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 4 คะแนนแต่ "ท็อฟฟี่" ยังเหลือการแข่งขันอีกนัดเดียวหมดสิทธิ์แซง "เดอะ กันเนอร์ส" แล้ว

อย่างไรก็ตามนายใหญ่ชาวสเปนก็ยังเชื่อว่าทีมของเขามีอนาคตอันสดใสรออยู่แม้จะเสียดายที่ชวดโอกาสไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าก็ตาม

"ผมว่ามันเป็นเกมที่วิเศษ ผมว่าเราคุมเกมได้ดีและประตูของรอสส์ บาร์คลีย์คือปรากฏการณ์โดยแท้แต่บางทีเราอาจไม่จริงจังในเกมรับเหมือนปกติ" มาร์ติเนซ กล่าว

"มีหลากหลายอารมณ์ผสมปนเปกันไปแต่โดยรวมแล้วเป็นซีซั่นที่ดีมาก"

"เกมวันนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เรามีและยังมีอะไรน่าตื่นเต้นอีกเยอะรออยู่ในอนาคต เราได้ก้าวข้ามไปข้างหน้าครั้งใหญ่อย่างแท้จริงและมีเกมลูกหนังอันโดดเด่น"

"ทุกคนผิดหวังเล็กๆเพราะเราอยากจบซีซั่นด้วยการต่อสู้ของแท้เพื่อพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกแต่คุณผิดหวังเกินไปไม่ได้หรอกนะ"

"หากเราได้ไปเล่นบอลยุโรปมันจะเป็นความสำเร็จอันงดงาม"

18
เชลซี - นอริช ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 04 พฤษภาคม 2557
เวลา : 22:00 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 4



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

เชลซี :
             "สิงห์บลูส์" เชลซี ภายใต้การทำงานของกุนซือแฮปปี้ วัน "โชเซ่ มูรินโญ่" ต้องการสามแต้มเพื่อโชว์สปิริต หลังโดน แอต.มาดริด บุกอัด 3-1 จนตกรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยตามหลักคณิตศาสตร์แล้ว เชลซี ยังคงมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ หลังบุกกำราบ ลิเวอร์พูล 2-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับความพร้อมล่าสุด มูรินโญ่ จะได้นักเตะกลับมาเป็นตัวเลือกหลายรายทีเดียวทั้ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเคล, เนมานย่า มาติช และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ต่างวืดเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อมิดวีก โดย แลมพ์ส กับ มิเคล ติดโทษแบน ส่วน มาติช กับ ซาลาห์ เล่นถ้วยนี้ไม่ได้

แดนกลางจะมีการปรับเปลี่ยนแน่นอนจากชุดที่สู้ศึกยุโรป เพราะ รามิเรส ติดโทษแบนในประเทศเป็นนัดที่สองจากทั้งหมดสี่เกม ซึ่งเชื่อว่าทั้ง แลมพาร์ด, มิเคล, มาติช และ ซาลาห์ จะได้เป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรกเลยทันที

ขณะที่กัปตันทีม จอห์น เทอร์รี่ (ข้อเท้า), เอแด็น อาซาร์ (น่อง) และ ซามูเอล เอโต้ (หัวเข่า) ที่ลงเจอกับ แอต.มาดริด ทั้งๆ ที่เจ็บ คงได้พัก รวมถึง ออสการ์ (สะโพก) ที่มีชื่อเป็นแค่สำรองกลางสัปดาห์ ส่วน ปีเตอร์ เช็ก (ไหล่) ยังไม่ไหว 

มาร์ค ชวาร์เซอร์ โกลวัยดึก จะยึดมือหนึ่งต่อ ขณะที่ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เตรียมหุบไปยืนเซนเตอร์แบ็กคู่ แกรี่ เคฮิลล์ ส่วนแดนกลางนอกจาก ซาลาห์, มิเคล, มาติช และ แลมพาร์ด แล้ว มีสิทธิ์ที่ อันเดร เชือร์เล่ จะลงปั้นให้หอกเป้าอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส

นอริช ซิตี้ :
             ฟากของ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ ของกุนซือชั่วคราว "นีล อดัมส์" ที่ถูกดันให้ขึ้นมากู้สถานการณ์แทน คริส ฮิวจ์ตัน ยังต้องดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อหนีตาย หลังจากแพ้มาห้าเกมติดต่อกัน โดยล่าสุดถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม 4-0 จนอาการร่อแร่เต็มทน

ในการเยือนลอนดอนวันอาทิตย์นี้ อดัมส์ หวังว่า โจเซฟ โยโบ กองหลังผิวหมึกชาวไนจีเรียที่ยืมมา จะเรียกความฟิตกลับมาได้ทันเวลาลงช่วยทีม หลังจากไม่เคยได้เล่นเลยตั้งแต่เจ้าตัวขึ้นมาทำงานโค้ชชั่วคราว

ล่าสุด สถานการณ์ดูเหมือนว่า โยโบ น่าฟิตทันลงเล่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม ทริปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ยังเร็วเกินไปสำหรับพวกที่มีปัญหาเจ็บก่อนหน้านี้อย่างปีก แอนโธนี่ พิลคิงตัน (สะโพก)

อดีตโค้ชทีมสำรองของ นอริช คงต้องเลือกใช้ทีมหน้าเดิมๆ ต่อไปจากชุดล่าสุด ในระบบ 4-1-4-1 ที่เน้นความแน่นหนาไว้ก่อน โดยให้ โยโบ เป็นตัวจริงเลยเพื่อใช้ประสบการณ์ตั้งแต่สมัยอยู่ เอฟเวอร์ตัน ให้เป็นประโยชน์ ขณะที่กัปตันทีม เซบาสเตียน บาสซง ดูจะไม่ได้อยู่ในแผนของ อดัมส์ เพราะไม่เคยถูกเรียกใช้งานเลย

เนธาน เร้ดมอนด์ กับ โรเบิร์ต สน็อดกราส ทำเกมริมเส้นขนาบข้างหอกเป้าอย่าง แกรี่ ฮูเปอร์ ขณะที่แดนกลางมี ลีรอย เฟอร์, จอนนี่ ฮาวสัน กับ แบร็ดลี่ย์ จอห์นสัน ช่วยกันไล่ทำลายเกม

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เชลซี :
(4-3-3) : มาร์ค ชวาร์เซอร์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเคล, เนมานย่า มาติช, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เฟร์นานโด ตอร์เรส, อันเดร เชือร์เล่

นอริช ซิตี้ :
 (4-1-4-1) : จอห์น รัดดี้ - รัสเซล มาร์ติน, ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์, โจเซฟ โยโบ, มาร์ติน โอลส์สัน - แบร็ดลี่ย์ จอห์นสัน - โรเบิร์ต สน็อดกราส, ลีรอย เฟอร์, จอนนี่ ฮาวสัน , เนธาน เร้ดมอนด์ - แกรี่ ฮูเปอร์

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

             "สิงห์บลูส์" แม้จะยังขาดแข้งตัวหลักบางราย แต่ทว่าขุมกำลังที่มีอยู่ก็ทดแทนกันได้ ยิ่งเวลานี้ "นกขมิ้น" กำลังกระเสือกกระสน แพ้มาแปดนัดหลังที่เป็นทีมเยือนด้วย และยิ่งกว่านั้น "สิงไฮโซ" ยังถูกโฉลกกับคู่แข่งจากอีสต์แองเกลียรายนี้ เมื่อยัดเยียดความปราชัยให้ไปแปดถึงเก้านัดหลังที่เจอทุกรายการ แถมยิงอย่างน้อยสามลูกในห้านัดหลังที่เจอกันอีกด้วย ดูแล้วแนวรับที่เปราะบางของทีมเยือนอ่วมแน่ คาดว่าลูกทีมของ "มูรินโญ่" ต้องจัดอย่างน้อยๆ สองลูกแน่นอน

19
อาร์เซน่อล - เวสต์บรอมวิช (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 04 พฤษภาคม 2557
เวลา : 19:30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 3



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

อาร์เซน่อล :
                "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ภายใต้การทำงานของกุนซือหน้าเหี่ยว "อาร์แซน เวนเกอร์" หวังคว้าชัยสี่นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก เพื่อขยับเข้าใกล้การคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน หลังจากเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เปิดบ้านทุบนิวคาสเซิ่ลขาดลอย 3-0 

ความพร้อมล่าสุด กุนซือชาวฝรั่งเศสยังต้องลุ้นให้ บาการี่ ซาญ่า แบ็กขวาทีมชาติฝรั่งเศส เรียกความฟิตกลับมาให้ทันเวลา หลังจากมีปัญหาเจ็บหัวเข่ารบกวนก่อนหน้านี้

ขณะที่แบ็กซ้าย คีแรน กิ๊บบ์ส (เอ็นหลังหัวเข่า) ใกล้ฟิตกลับมาซ้อมแล้ว กระนั้นยังต้องเป็นแค่ผู้ชมเช่นเดียวกับกองกลาง อาบู ดิยาบี้ (โคนขาหนีบ) รวมถึงพวกที่เดี้ยงยาวอย่างตัวจี๊ดๆ ทั้ง แจ็ค วิลเชียร์ (เท้า), แซร์จ นาบรี้ และ ธีโอ วัลค็อตต์ (หัวเข่าทั้งคู่)
เวนเกอร์น่ายึดทีมชุดที่คว้าชัยในนัดล่าสุดต่อไป โดยหาก คาร์ล เจนกินสัน ถูกเรียกตัวมาสแตนบายไว้แล้ว กรณีที่ซาญ่าไม่ไหวจริงๆ ขณะที่ฝั่งซ้ายใช้งาน นาโช่ มอนเรอัล ต่อไป

แดนกลางมี อารอน แรมซี่ย์ กองกลางจอมทัพทีมชาติเวลส์ ฟิตกลับมาบัญชาการเคียงข้าง มิเคล อาร์เตต้า ส่วนตัวรุกใช้งาน ซานติ กาซอร์ล่า, เมซุต โอซิล และ ลูคัส โพดอลสกี้ ป้อนให้หอกเป้า โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

เวสต์บรอมวิช :
              ส่วนทางด้านของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ของกุนซือเลือดกระทิงดุ "เปเป้ เมล" ยังต้องดิ้นรนหนีตายต่อไป แต่จากชัยชนะนัดล่าสุดที่เปิดฮอว์ธอร์นส์หั่น เวสต์แฮมได้ 1-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้นเยอะทีเดียว เพราะมีเพิ่มเป็น 36 แต้ม

สำหรับการเยือนลอนดอนวันอาทิตย์นี้ เมลไม่ได้รับรายงานว่ามีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเพิ่มเติมให้เป็นกังวลแต่อย่างใด แถม แกเร็ธ แม็คออลี่ย์ ปราการหลังจอมแกร่ง ยังสามารถกลับมาลงซ้อมแบบเต็มๆ ได้แล้วด้วย หลังเจ็บน่องก่อนหน้านี้จนพลาดมาสองนัดหลังสุด

ส่วนกองหลังอีกรายอย่าง เลียม ริดจ์เวลล์ หมดสิทธิ์แน่ เพราะเจ็บหัวเข่าจากเกมที่ออกไปพ่ายแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม สองสัปดาห์ก่อน ทำให้จะเป็นแค่ผู้ชมเช่นเดียวกับ โซลตาน เกร่า กองกลางชาวฮังการี ที่ยังต้องรักษาอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าต่อไป

เชื่อว่าเมลคงยึดทีมชุดที่เอาชนะเวสต์แฮมต่อไป โดยไม่เร่งร้อนให้แม็คออลี่ย์กลับมาลงสนามหากไม่ฟิตจริงๆ ปล่อยให้ เคร็ก ดอว์สัน กองหลังดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ รุ่น ยู 21 ลุยต่อ ขณะที่ สตีเว่น รีด น่าผ่านการทดสอบความฟิตคืนทัพได้

สำหรับแนวรุก มีทั้ง มอร์กก็อง อมาลฟิตาโน่, สเตฟาน แซสเซอญง และ คริส บรันท์ สร้างเกมรุกหลังหัวหอกดาวรุ่ง ไซโด้ เบราฮิโร่ โดยมี มาเตจ วีดร้า เป็นสำรอง
 
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

อาร์เซน่อล :
 (4-2-3-1) : วอยเชียค เชสนี่ - บาการี่ ซาญ่า (คาร์ล เจนกินสัน), แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, นาโช่ มอนเรอัล - มิเคล อาร์เตต้า, อารอน แรมซี่ย์ - ซานติ กาซอร์ล่า, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้ - โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์

เวสต์บรอมวิช :
 (4-2-3-1) : เบน ฟอสเตอร์ - สตีเว่น รีด, เคร็ก ดอว์สัน, โยนาส โอลส์สัน, บิลลี่ โจนส์ - ยุสซูฟ มูลุมบู, แกรม ดอร์แรนส์ - มอร์กก็อง อมาลฟิตาโน่, สเตฟาน แซสเซอญง, คริส บรันท์ - ไซโด้ เบราฮิโน่

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

              "เดอะ กันเนอร์ส" กุมตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ไว้ในมือ และแน่นอนว่าไม่ยอมปล่อยง่ายๆแน่ แข้งตัวหลักก็ทยอยกลับมาแทบจะหมดแล้วในช่วงปลายซีซั่น โดยเฉพาะ "แรมซี่ย์" ที่นับว่าเป็นคีย์แมนสำคัญของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะทำให้เกมไหลลื่นและมีประสิทธิภาพมานขึ้นเยอะ "ปืนใหญ่" ไร้พ่ายในบ้าน 17 นัดหลัง ผิดกับทางด้านของ "เดอะ แบ็กกี้ส์" ที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ชนะแค่เกมเดียวจากหกครั้งหลังที่เยือน "อาร์เซน่อล" แถมยังคว้าชัยเพียงสามเกมที่เล่นนอกบ้านซีซั่นนี้ด้วย ดูจากฟอร์มโดยรวมของ "เดอะ กันเนอร์ส" แล้วทีมเยือนต้องเหนื่อยแน่ คาดว่าหากลูกแรกมาเร็วสกอร์มีสิทธิ์ไหลยาวแน่นอน

20
แม้ "อูโก้ ญอริส" จะโชว์ฟอร์มหนึบเซฟอุตแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเมื่อ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด การันตีการลงเล่นในพรีเมียร์ลีกต่อไปในฤดูกาลหน้าหลังจากอัดท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ที่เหลือ 10 ตัวกลางครึ่งแรกเบาๆ 2-0 โดย "แฮร์รี่ เคน" ทำเข้าประตูตัวเองก่อน สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง" ฟรีคิกปิดท้ายทำให้มี 40 คะแนนจาก 37 นัด



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม โบลีน กราวน์
เสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2557
กรรมการ ฟิล ดาวน์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์

             เปิดฉากเกมครึ่งแรกมา 7 นาที "เวสต์แฮม" ก็มาโวยวายจะเอาจุดโทษเลยในจังหวะเล่นฟรีคิกสั้นให้แคร์โรลล์พยายามยิงไปโดนแขนของเคนในกรอบเขตโทษแต่ดาวน์กลับปล่อยให้เป็นคอนเนอร์ไม่ใช่ลูกโทษ

นาที 16 ท็อตแน่มมีโอกาสเหมือนกันจากจังหวะที่นอห์ตันเติมขึ้นมาทางริมเส้นขวาก่อนผ่านเข้ากลางให้เปาลินโญ่ที่วิ่งเติมมาจากแดนหลังโขกไปตรงมือของอาเดรียนที่รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 24 สเปอร์สเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนในจังหวะที่โดนเวสต์แฮมโต้กลับเร็วแล้วดาวนิ่งกระชากจะเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วแต่โดนกาบูลวิ่งมาชนดื้อๆจากด้านหลังทำให้ปีกอังกฤษล้มกลิ้งลงไปดาวน์ขอเวลาตัดสินใจนิดนึงก่อนแจกใบแดงไล่กองหลังจอมเก๋าออกจากสนาม

นาที 27 หลังจากกลับมาเริ่มเกมอีกครั้ง"ขุนค้อน"ได้ส่องฟรีคิกระยะ 20 หลาหน้าปากประตูเลยเป็นแคร์โรลล์ที่วิ่งเข้ามาสับด้วยซ้ายเต็มข้ออย่างแรงทว่าบอลไปโดนมือของญอริสที่ไวสุดๆยกมือไปปัดทิ้งออกหลังได้แบบต้องยกนิ้วให้

นาที 28 จากจังหวะเตะมุมนี่เองโนเบิ้ลเปิดจากริมเส้นด้านซ้ายไปทางเสาไกลให้แคร์โรลล์กระโดดขึ้นโขกแล้วบอลไปโดนหัวของเคนก่อนจะแฉลบเข้าไปกองก้นตาข่ายตรงเสาสองทำให้ตอนนี้เจ้าถิ่นได้เปรียบขนานใหญ่แล้ว

นาที 36 ญอริสต้องมาโชว์ซูเปอร์เซฟอีกแล้วในจังหวะแรกที่ดาวนิ่งเปิดเข้ามาก่อนที่เขาจะทุบออกไปแล้วบอลไปตกใส่เทย์เลอร์ตั้งป้อมยิงไกลจากหน้าปากประตูญอริสยังไวทายาทพุ่งไปปัดทิ้งด้วยปลายมือได้อีกครั้ง

นาที 41 ท็อตแน่มทำเกมบุกขึ้นมาได้บ้างและมีโอกาสยิงเหมือนกันในจังหวะที่เปาลินโญ่ตัดสินใจสับไกจากระยะกว่า 30 หลาแต่บอลไปโดนบล็อคของโนเบิ้ลที่ลงมาขวางเอาไว้ได้ทันก่อนบอลจะออกข้างไป

นาที 44 เวสต์แฮมมาได้ประตูสำคัญก่อนหมดครึ่งแรกในจังหวะฟรีคิกกลางประตูซึ่งดาวนิ่งรับอาสายิงด้วยซ้ายผ่านช่องกำแพงระหว่างเปาลินโญ่และอเดบายอร์เข้าไปซุกก้นตาข่ายเฉยชนิดที่ญอริสบ่นอุบเพราะไม่รู้ว่ากำแพงแตกได้อย่างไร

             กลับเข้าสู่เกมช่วงครึ่งหลังเกือบเป็น 30 เลยจริงๆในจังหวะที่ดิยาเม่โอเวอร์เฮดบอลที่ครอสจากริมเส้นขวาอย่างสวยแต่ญอริสกลับเซฟได้อย่างเหลือเชื่อแถมยังทำให้ทีมพ้นอันตรายเมื่อใช้ขาเตะสกัดให้พ้นปากประตูในจังหวะที่โนแลนจะเข้ามาตามซ้ำได้อีกต่างหาก

นาที 56 ญอริสต้องเหนื่อยจริงๆในเกมนี้เมื่อเขาพยายามเซฟอีกรอบในจังหวะที่แคร์โรลล์โขกต่อบอลมาให้โนแลนจับบอลได้คนเดียวในกรอบ เขตโทษก่อนตวัดยิงทันทีทว่ามือกาวทีมชาติฝรั่งเศสออกมาไว้บล็อคบอลด้วยเข่าได้อย่างหวุดหวิด

นาที 67 เชอร์วู้ดส่งไพ่ตายลงมาหมดแล้วโดยส่งซานโดรกับโรเบร์โต้ โซลดาโด้ลงสนามมาเติมเกมรุกแทนตำแหน่งของเปาลินโญ่และซิกูร์ดสสันที่เล่นไม่ค่อยออกในเกมนี้

นาที 73 ท็อตแน่มได้บุกขึ้นมาอีกครั้งโดยเป็นเอริคเซ่นที่เปิดบอลอย่างแม่นยำไปให้โซลดาโด้จับบอลลงในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงนั้นยังไม่ทิ้งฟอร์มเดิมซัดบอลผ่านหน้าปากประตูไปแบบไม่ต้องมีลุ้นอะไร

นาที 83 ช่วงนี้เกมเปิดแล้วแต่เวสต์แฮมมีโอกาสลุ้นมากกว่าโดยเป็นดาวนิ่งที่ลากมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางแคร์โรลล์เบียดโหม่งได้ทางเสาไกลแต่ไปตรงตัวของญอริสรับเอาไว้ได้สบาย

นาที 87 ท็อตแน่มโวยวายจะเอาแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษเป็นจังหวะที่ซานโดรหลุดไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วพยายามเปิดเข้ากลางไปโดนแขนของเทย์เลอร์นิดนึงก่อนจะออกหลังไปซึ่งดาวน์ส่ายหน้าให้เพียงเตะมุมเท่านั้น

เมื่อครบ 90 นาที"ขุนค้อน"สามารถทำภารกิจได้สำเร็จอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไปอีกปีกส่วน"ไก่เดือยทอง"ต้องไปลุ้นเล่นยูโรป้า ลีกต่อไปเพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ยังมีโอกาสปาดหน้าพวกเขาได้เช่นกัน

21
เวสต์แฮม - สเปอร์ส (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 03 พฤษภาคม 2557
เวลา : 18:45 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 1



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

เวสต์แฮม :
              "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ของกุนซือจอมแท็กติก "แซม อัลลาร์ไดซ์" ต้องการหยุดความวิตกเรื่องการตกชั้นด้วยการเอาชนะอริร่วมกรุงลอนดอนอย่างสเปอร์สให้ได้ที่อัพตัน พาร์ค หลังนัดก่อนออกไปโดน เวสต์บรอมวิช เฆี่ยน 1-0 หากจากโซนแดงห้าคะแนน

ความพร้อมล่าสุด มีแค่ฟูลแบ็ก โจอี้ โอไบรอัน กับ ศูนย์หน้าที่ยืมมาอย่าง มาร์โก บอร์ริเอลโล่ (น่อง) ที่ต้องวืดเกมลอนดอนดาร์บี้เสาร์นี้ หลังเจ็บมาตลอดจนไม่ค่อยได้ลงสนามอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้ เดอะ แฮมเมอร์ส นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อเดือนมกราคม ดาวเตะวัย 31 ลงเล่นได้แค่สองเกม

ส่วนพวกที่เหลือ ล้วนฟิตพร้อมเป็นตัวเลือกให้บิ๊กแซมที่กำลังหวังหยุดสถิติแพ้รวดสี่เกมให้ได้ โดยแนวรับ มีรายงานว่า เจมส์ คอลลินส์ อาจได้ยืนคุมเคียงข้าง วินสตัน รีด หลัง เจมส์ ทอมกิ้นส์ ดูจะช้ำมาจากนัดล่าสุด

ขณะที่ แม็ทธิว เทย์เลอร์ กองกลางซ้ายตีนระเบิด น่าจะกลับมาเป็นตัวจริง หลังวืดเกมกับ เวสต์บรอมวิช เพราะปัญหาส่วนตัว โดยผนึกกำลังกับ เควิน โนแลน กัปตันทีม และ มาร์ค โนเบิล ในแดนกลาง ปล่อยให้เกมรุกเป็นหน้าที่สามประสาน สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, แอนดี้ แคร์โรลล์ และ โมฮาเหม็ด ดิยาเม่

สเปอร์ส :
             "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ของกุนซือ "ทิม เชอร์วู้ด" ออกไปซัด สโต๊ค 1-0 ในเกมล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน แม้จะไม่น่าได้ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ใกล้การันตีตั๋วไปลุย ยูโรปา ลีก เต็มที

สำหรับการเยือนอัพตัน พาร์ค วันเสาร์นี้ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ปีกความเร็วสูงวืดแน่นอน หลังได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในเกมกับช่างปั้นหม้อหนักถึงขั้นพลาดทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ คัพ เลยทีเดียว

ส่วนแบ็กขวา ไคล์ วอล์คเกอร์ (กระดูกเชิงกราน) ยังต้องพักแข้งต่อไป เช่นเดียวกับคนที่มีปัญหาบาดเจ็บก่อนหน้านี้อย่าง เอริก ลาเมล่า (หลัง) ที่ยังไม่ได้เล่นเลยในปี 2014 ขณะที่ มุสซ่า เดมเบเล่, แยน แฟร์ต็องเก้น และ เอเตียน กาปู จะต้องรอเช็กความฟิตก่อนเกมอีกครั้ง

ซานโดรกองกลางทีมชาติบราซิล หวังได้ออกสตาร์ตตั้งแต่นาทีแรก หลังเป็นสำรองในนัดก่อน อย่างไรก็ตามเชอร์วู้ดคงไม่เปลี่ยนแปลงทีมที่กำลังเล่นได้ดียืดสถิติไร้พ่ายเป็นสี่เกม แนวรับมีกัปตันทีม ไมเคิ่ล ดอว์สัน กลับมาคุม ส่วนดาวรุ่ง แฮร์รี่ คีน ปักหลักล่าตาข่ายร่วมกับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ เช่นเดิมโดยมี นาเซอร์ ชาดลี่ คุมตรงกลางร่วมกับ เปาลินโญ่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เวสต์แฮม :
 (4-2-3-1) : อาเดรียน-กีย์ เดเมล, เจมส์ คอลลินส์, วินสตัน รีด, จอร์จ แม็คคาร์ทนี่ย์-แม็ทธิว เทย์เลอร์, มาร์ค โนเบิล-สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เควิน โนแลน, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่-แอนดี้ แคร์โรลล์

สเปอร์ส :
(4-4-2) : อูโก้ โยริส-ไคล์ นอห์ตัน, ยูเนส กาบุล, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, แดนนี่ โรส-อารอน เลนน่อน, เปาลินโญ่, นาเซอร์ ชาดลี่, คริสเตียน เอริคเซ่น-แฮร์รี่ คีน, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

              "ขุนค้อน" จำเป็นต้องเน้นเกมนี้เพื่อการันตีว่ารอดแน่ เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ที่ห่างโซนแดงห้าแต้ม สถิติที่ผ่านมาทำให้พวกเขามีความมั่นใจพอสมควร เพราะชนะ "ไก่เดือยทอง" ได้ทั้งสามนัดที่เปิดบ้านเจอกันก่อนหน้านี้ทุกรายการ แม้ "เล้าไก่" จะฟอร์มแจ่ม แต่เจอเกมที่เน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย และลูกตั้งเตะของเจ้าถิ่น น่าจะสร้างความลำบากให้พวกเขาไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว คาดว่าเด็กบิ๊กแซมไม่มีแพ้แน่นอน
 

22
เอฟเวอร์ตัน - แมนฯ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 03 พฤษภาคม 2557
เวลา : 23:30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 5



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

เอฟเวอร์ตัน :
             "ท็อฟฟี่พลังช้าง" เอฟเวอร์ตัน ของกุนซือเลือดกระทิงดุ "โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ" จะเปิดบ้านรับทีมลุ้นแชมป์ แมนฯ ซิตี้ โดยที่ตัวเองอยู่อันดับห้า ตามหลักคณิตศาสตร์แล้วยังมีลุ้นตั๋วไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานท็อปโฟร์อยู่ แม้นัดก่อนออกไปโดน เซาธ์แฮมป์ตัน อัด 2-0 ก็ตาม

มีข่าวดีก่อนบิ๊กแมตช์ที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อ ฟิล จากีลก้า กองหลังกัปตันทีม ฟิตปั๋งกลับมาอยู่ในทีมอีกครั้งแล้ว หลังหายหน้าไป 10 สัปดาห์ เพราะเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า

อย่างไรก็ดี ปราการหลังอีกคนอย่าง ซิลแว็ง ดิสแต็ง ยังไม่แน่ว่าจะไหวหรือไม่ หลังมีปัญหาเจ็บแบบเดียวกันจนต้องพลาดเกมเยือน นักบุญ มาแล้ว แต่ในรายของ แกเร็ธ แบร์รี่ มิดฟิลด์ที่ยืมมาจาก แมนฯ ซิตี้ วืดแน่ ในการเจอต้นสังกัดจริง ทำให้ต้องเป็นแค่ผู้ชมร่วมกับพวกที่เดี้ยงทั้ง เควิน มิรัลลาส, ดาร์รอน กิ๊บสัน, อารูน่า โกเน่, ไบรอัน โอเวียโด้, สตีเว่น พีนาร์ และ ลาสซิน่า ตราโอเร่

มาร์ติเนซ น่าจะเข็น จากีลก้า หรือ ดิสแต็ง คนใดคนหนึ่งลงตัวจริงเพื่อคุมแนวรับประคองเจ้าหนู จอห์น สโตนส์ ส่วน เลออน ออสแมน คงต้องถอยตัวเองลงมาต่ำยืนคู่กับ เจมส์ แม็คคาร์ธี่ ตรงห้องเครื่อง ปล่อยให้ เคราร์ด เดวโลเฟว, รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ สตีเว่น เนสมิธ ปั้นให้กองหน้าตัวเป้า โรเมลู ลูกากู

แมนฯ ซิตี้ :
               ฟากของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของกุนซือชาวชิลี "มานูเอล เปเยกรีนี่" ต้องการชัยชนะเพื่อกุมชะตากรรมในการลุ้นแชมป์ของตัวเองไว้ในมือ หลังจากที่นัดก่อนออกไปทุบ คริสตัล พาเลซ 2-0

มีข่าวดีเมื่อ เปเยกรีนี่ จะได้ตัว ดาบิด ซิลบา เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งทีมชาติสเปนกลับมาช่วยทีม หลังพลาดนัดเยือน เซลเฮิร์สท์ พาร์ค เพราะเจ็บข้อเท้า แต่เพื่อนร่วมชาติอย่าง เฆซุส นาบาส และกองหลัง มาติย่า นาสตาซิช ที่เจ็บหัวเข่า และพักตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ยังไม่น่าไหว

ยาย่า ตูเร่ กองกลางจอมพลัง ที่ฟิตกลับมาบัญชาการแดนกลางได้ในการเยือน พาเลซ ก่อนถูกถอดไปเก็บ เตรียมออกสตาร์ตตั้งแต่นาทีแรก เช่นเดียวกับในรายของกองหน้า เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน''

กุนซือชาวชิลี พร้อมจัดทัพใหญ่ลงล่าสามแต้ม โดย แว็งซ็องต์ ก็องปานี กองหลังกัปตันทีมคุมแนวรับ ขณะที่แบ็กซ้ายอาจสลับให้ กาแอล กลิชี่ ที่มีความเร็วมาไล่ตัวริมเส้นของเจ้าถิ่น ส่วนแดนกลาง แฟร์นานดินโญ่ ส่อทวงตำแหน่งตัวจริงคืนจาก ฆาบี การ์เซีย ในการยืนคู่ ตูเร่ ขณะที่ ซิลบา พร้อมประสานงานกับ ซามีร์ นาสรี่ และ ''กุน'' กับ เอดิน เชโก้ ในแนวรุก

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เอฟเวอร์ตัน :
 (4-2-3-1) : ทิม ฮาวเวิร์ด - เชมัส โคลแมน, จอห์น สโตนส์, ฟิล จากีลก้า, เลห์ตัน เบนส์ - เจมส์ แม็คคาร์ธี่, เลออน ออสแมน - เคราร์ด เดวโลเฟว, รอส บาร์คลี่ย์, สตีเว่น เนสมิธ - โรเมลู ลูกากู

แมนฯ ซิตี้ :
 (4-4-2) : โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, มาร์ติน เดมิเคลิส, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, กาแอล กลิชี่ - ดาบิด ซิลบา, แฟร์นานดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ซามีร์ นาสรี่ - เซร์คิโอ อเกวโร่ ''กุน'' , เอดิน เชโก้

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

              สำหรับคู่นี้ถือว่าเป็นเกมที่หลายๆคนจับจ้องเพราะอาจส่งผลไปถึงโอกาสแชมป์เลยทีเดียว โดยเกมนี้ "ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน" จัดหนักแน่นอนเพื่อศักดิ์ศรีและตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่สถิติที่ผ่านมาดูดีกว่า ชนะรวดถึงสี่นัดหลังที่เจอกันใน กูดิสัน พาร์ค แต่ทว่าปีนี้รูปแบบการเล่นของพวกเขานั้นเปลี่ยนเป็นเน้นการต่อบอลคล้ายๆกับ "เรือใบสีฟ้า" ที่มีอาวุธหนักกว่า หากเปิดรุกแลกกันฝั่งทีมเยือนหวังผลได้ ยิ่งฝั่งของเจ้าบ้านเวลนี้ขาดกำลังหลักอยู่หลายคน โดยเฉพาะ "แบร์รี่" มีผลแน่ ในทางกลับกัน "ซิตี้" ได้ "ซิลบา" กลับมาแถม "ยาย่า" ก็ยังอยู่ บวกกับสถานการณ์ที่บีบคั้นที่สุดแล้ว เหล่าบรรดาลูกทีมของ "เปเยกรีนี่" จะเบียดเข้าวินคว้าสามแต้มสำคัญได้แบบหืดๆ

23
แมนฯ ยูไนเต็ด - ซันเดอร์แลนด์ (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 03 พฤษภาคม 2557
เวลา : 21:00 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 1



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

แมนฯ ยูไนเต็ด :
                กุนซือขนดก "ไรอัน กิ๊กส์" คุมทัพ "เร้ด อาร์มี่" เป็นนัดที่สองแล้ว หลังจากที่ประเดิมงานสุดแจ่มด้วยการเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ขย่มนอริช 4-0 ท่ามกลางข่าวลือเรื่องอนาคตที่ยังไม่แน่ไม่นอนของตัวเอง หลังมีข่าวสโมสรใกล้ตั้ง หลุยส์ ฟาน กัล คุมทัพเต็มตัว

กิ๊กส์ ที่ยืนยันขอมุ่งสมาธิกับเกมรับซันเดอร์แลนด์วันเสาร์นี้ก่อน ยังต้องลุ้นว่า เวย์น รูนี่ย์ จะฟิตพอหรือไม่ หลังจากที่กองหน้าทีมชาติอังกฤษ มีอาการต้นขาตึง และต้องรอเช็กความฟิตอีกครั้ง เช่นเดียวกับในรายของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ ที่จะต้องเข้ารับการประเมิน หลังมีปัญหาเจ็บหัวเข่าตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม

นอกจากนี้ มือกาว อันเดอร์ส ลินเดการ์ด (ป่วย) และแบ็กขวา ราฟาเอล ดา ซิลวา ก็ยังไม่แน่ว่าจะไหวหรือไม่ด้วย ส่วนตัวของกิ๊กส์เองแย้มๆ ว่า อาจไม่ใส่ชื่อตัวเองไว้เป็นหนึ่งในขุนพลด้วย แต่จะผนึกกำลังกับเพื่อนซี้อย่าง นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ และ พอล สโคลส์ สั่งการข้างสนามมากกว่า

กิ๊กส์คงยึดทีมชุดเดิมที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในเกมที่แล้วเป็นแกน ในระบบ 4-4-2 มี ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสาหลังแผงแบ็กโฟร์ที่คาดว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช สองจอมเก๋าจะได้เป็นตัวจริงต่อ แดนกลาง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ พร้อมเข้ามาเติมความไหลลื่นร่วมกับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ขณะที่ ฆวน มาต้า ที่ยิงสองลูกนัดก่อน น่ากลับมายึดตำแหน่งตัวจริงจาก ชินจิ คางาวะ ตรงริมเส้นคนละฝั่งกับ อันโตนิโอ วาเลนเซีย โดยมี แดนนี่ เวลเบ็ค ออกสตาร์ตพร้อมรูนี่ย์ หรือฟาน เพอร์ซี่ ที่คาดว่าน่าฟิตทันสักคนหนึ่ง 

ซันเดอร์แลนด์ :
                 ส่วนทางด้านของ "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์ ภายใต้การทำงานของกุนซือชาวอุรุกวัย "กัส โปเยต์" หายใจโล่งขึ้นไม่น้อย หลังชนะมาสองนัดติด ไล่ตั้งแต่ช็อกเชลซี 2-1 ก่อนทุบคาร์ดิฟฟ์ 4-0 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้หนีโซนแดงได้สำเร็จ

สำหรับการเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด วันเสาร์นี้ เชื่อว่าโปเยต์คงไม่เปลี่ยนแปลงทีมจากชุดล่าสุดที่เล่นอย่างมั่นใจ แม้ เอมานูเอเล่ จัคเครินี่ ดาวเตะทีมชาติอิตาลี มีลุ้นออกสตาร์ต หลังจากเปลี่ยนลงมาทำผลงานเข้าตากับคาร์ดิฟฟ์ โดยยิงหนึ่ง และจ่ายหนึ่ง
แต่คนที่หมดสิทธิ์เล่นแน่นอนคือ คี ซุง-ยอง กองกลางจอมขยันชาวเกาหลีใต้ ที่มีปัญหาเจ็บหัวเข่ารบกวน รวมถึงมือกาว คีเรน เวสต์วู้ด (ไหล่) และศูนย์หน้า สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ (ข้อเท้า) แต่นอกเหนือจากนั้นต่างพร้อมลุย

กุนซือชาวอุรุกวัย เตรียมวางหมากในระบบ 4-3-3 ที่มีดาวซัลโวประจำทีมอย่าง อดัม จอห์นสัน ผนึกกำลังกับ ฟาบิโอ บอรินี่ ในการสร้างเกมให้หอกเป้า คอนเนอร์ วิคแฮม ที่กำลังท็อปฟอร์มจนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนล่าสุด

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนฯ ยูไนเต็ด :
 (4-4-2) : ดาบิด เด เคอา - ฟิล โจนส์, เนมานย่า วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอวร่า - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ฆวน มาต้า - เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค

ซันเดอร์แลนด์ :
(4-3-3) : วีโต้ มานโนเน่ - ซานติอาโก้ เวอร์จินี่, จอห์น โอเช, เวส บราวน์, มาร์กอส อลอนโซ่ - เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ลี แคตเทอร์โมล, แจ็ค โคลแบ็ค - อดัม จอห์นสัน, คอนเนอร์ วิคแฮม, ฟาบิโอ บอรินี่

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

              "เร้ด อาร์มี่" ยุคใหม่ภายใต้บังเหียนของกุนซือขนดก "ไรอัน กิ๊กส์" เรียกว่าประเดิมนัดแรกได้ดี เสริมความมั่นใจใหกับทีมได้เยอะ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วเชื่อว่าเกมนี้ไม่ง่ายแน่นอน เพราะ "แมวดำ" ช่วงหลังมานี้ก็ค่อนข้างดีเหมือนกัน แถมมาพร้อมกับความมุ่งมั่นแบบเต็มเปี่ยม เพื่อเพิ่มโอกาสหนีตายให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ที่น่าห่วงคืออาคันตุกะบุกมาคว้าชัยได้แค่ครั้งเดียวจาก 6 เกม ยามมาเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด "แมวดำ" อาจพกความมั่นใจมาเต็มที่ก็จริง แต่ถ้าหากเทียบศักยภาพกันแล้วไม่ว่าเหลี่ยมไหน "ปีศาจแดง" ก็เหนือกว่าบานเบอะ โอกาสที่จะเบียดซิวชัยมีสูง

24
บาสเตีย - ลีลล์ (ลีกเอิง ฝรั่งเศส)
วันที่ : 02 พฤษภาคม 2557
เวลา : 01:30 น.
ถ่ายทอดสด : GMM ฟุตบอล แม็กซ์



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

บาสเตีย :
นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ : ชิลล์ส ซิโอนี่, ฌูเลียง ปัลมิเอรี่

นักเตะที่ติดโทษแบน : ดริสซ่า ดิยากิเต้, เซบาสเตียง สกิลลาซี่

ลีลล์ :
นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ  : ไม่มี

นักเตะที่ติดโทษแบน : ไม่มี

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

บาสเตีย :
บาสเตีย (4-2-3-1) : มิกกาแอล ล็องโดร้ ; เฟอธี ฮาเร็ค, ฟร็องซัวส์ โมแดสโต้, เอ็นดรี้ โรมาริซ, โฌเซฟ บาร์กบาโต้ ; ซ็อมบู ยาตาบาเร่, ยันนิก กาอูซัค ; ฟลอริย็อง ราสเปนติโน่, รียาด บูเดอบุซ, จานนี่ บรูโน่ ; ฌิบริล ซิสเซ่
เทรนเนอร์ : เฟรเดริก อ็องต์ซ

ลีลล์ :
ลีลล์ (4-3-3) : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า ; ฟร้องค์ เบเรีย, ซิมอน เคียร์, มาร์โก บาซ่า, ฌิบริล ซิดิเบ้ ; มาร์กวิน มาร์กแต็ง, อิดริสซ่า กานา กูอาย, ริโอ มาวูบา ; ซาโลมง กาลู, รอนนี่ โรเดอแล็ง, โนล็อง รูซ์
เทรนเนอร์ : เรอเน่ ชิราร์

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

            ทีมเจ้าบ้าน "บาสเตีย" เกมนี้ต้องขาดกำลังสำคัญในแดนหลังที่ติดโทษแบนอยู่ถึงสองราย ซึ่งนั่นแน่นอนว่าจะต้องส่งผลต่อเกมรับ ส่วนทางด้านของ "ตราหมา" ที่มาเยือนด้วยสภาพทีมที่ค่อนข้างพร้อมรบแถมฟอร์มช่วงที่ผ่านมายังดีอีกด้วย อาคันตุกะต้องการการันตีพื้นที่ ชปล. ถึงแม้ว่าจะเสียเปรียบด้านเสียงเชียร์แต่เชื่อว่าคงบุกเอาชนะออกไปได้แน่นอน

25
ราโย บาเยกาโน่ - แอธ.บิลเบา (ลาลีกา สเปน)
วันที่ : 02 พฤษภาคม 2557
เวลา : 02:00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต เอชดี2 (667)



เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

ราโย บาเยกาโน่ :
              เร่งฟอร์มขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อจน ราโย บาเยกาโน่ ขยับมาอยู่ครึ่งบนของตารางลีกา โดยพวกเขาไม่แพ้ใครในการเล่น 4 นัดหลัง ล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วบุกไปถล่มเอาชนะกรานาด้า 3-0
 
ปาโก้ เฆเมซ นายใหญ่ของทีมไม่มีปัญหาในการจัดทีมอะไร แม้จะขาดกลุ่มนักเตะบาดเจ็บอย่าง โฆเซ่ การ์ลอส เฟร์นานเดซ บาซเกซ กองกลางตัวคุมเกมรวมทั้ง เนรี่ กาสตีโย่ ห้องเครื่องเม็กซิกัน และ โฆนาธาน บีเอร่า กองกลางที่ยืมจากบาเลนเซีย
 
รวมทั้ง ราซวาน รัต ฟูลแบ็กชาวโรมาเนียน ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบกำหนด
 
แต่ข่าวดีของทีมคือ ลาสส์ บ็องกูร่า ปีกทีมชาติกินีหายเจ็บหลังกลับมาเป็นตัวเลือกรวมทั้ง รูเบน โรชีน่า ตัวรุกที่ยืมจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กลับมาสมบูรณ์และซ้อมกับทีมหลังบาดเจ็บเล็กน้อยในการซ้อมกลางสัปดาห์
 
ทีมบาเยกาโนสเล่นระบบ 4-2-3-1 รูเบน มาร์ตีเนซ เป็นนายทวารกองหลังมี อนาอิตซ์ อาบีย่า, อาเลฆานโดร กัลเบซ, เซ กาสโตร และ ฆวน อิ๊กนาซิโอ มาร์ตีเนซ การ์เซีย ''นาโช่''
 
ตรงกลางสนาม ซาอูล ญีเกซ จับคู่กับ โรเบร์โต้ ตราชอร์ราส แล้วให้ รูเบน โรชีน่า, อัลเบร์โต้ บวยโน่ และ ยาโก้ ฟัลเก้ เป็น 3 ประสานในเกมรุก แล้ววางฮัวกินลาร์ริเวย์เป็นกองหน้าตัวเป้าล่าตาข่าย

แอธ.บิลเบา :
             แทบจะการันตีการคว้าอันดับ 4 ของตารางอันเป็นโควตา การไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว เพราะ แอธ.บิลเบา จัดการเปิดบ้านเอาชนะทีมลุ้นอันดับ 4 ด้วยกันอย่าางเซบีย่า 3-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว
 
เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์มากฝีมือ ยังคงไม่มีกลุ่มนักเตะบาดเจ็บทั้งการ์ลอส กูร์เปกี แนวรับกัปตันทีม กีเก้ โซล่า กองหน้า และ อีไบ โกเมซ กองกลางตัวรุก แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อทีมเนื่องเพราะมีตัวแทนทั้งหมด
 
นอกจากนั้นยังไม่มี อีเกร์ มูเนียอิน กลางตัวรุกติดโทษแบนหลังสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบจากนัดก่อน
 
แต่ข่าวดีของทีมคือได้ บอร์ฆา เอกิซ่า อีกหนึ่งกองหลังหายเจ็บข้อเท้ากลับมาเป็นตัวเลือก แต่น่าเป็นสำรองเพราะตำแหน่งตัวจริงเป็นของ มิเกล ซาน โฆเซ่ กับ อายเมริค ลาปอร์เต้ ที่ทำผลงานได้เยี่ยม
 
โลส เลโอเนส เล่นระบบ 4-2-3-1 กอร์ก้า อิไรซอซ เป็นนายทวาร แนวรับใช้ อันโดนี่ อีราโอล่า, มิเกล ซาน โฆเซ่, อายเมริค ลาปอร์เต้ และ มิเกล บาเลนเซียก้า
 
ตรงกลางสนาม อันเดร์ อีตูร์ราสเป้ คุมจังหวะเกมร่วมกับ มิเกล รีโก้ แล้วให้ มาร์เกล ซูซาเอต้า, อันเดร์ เอร์เรร่า และ ออสการ์ เด มาร์กอส คอยเดินเกมบุกร่วมกันช่วยเหลืองานกองหน้าตัวเป้าอย่าง อาริตซ์ อาดูริซ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ราโย บาเยกาโน่ :
(4-2-3-1) : รูเบน มาร์ตีเนซ-อนาอิตซ์ อาบีย่า, อาเลฆานโดร กัลเบซ, เซ กาสโตร, นาโช่-ซาอูล ญีเกซ, โรเบร์โต้ ตราชอร์ราส (กัปตันทีม) - รูเบน โรชีน่า, อัลเบร์โต้ บวยโน่, ยาโก้ ฟัลเก้-ฮัวกิน ลาร์ริเวย์

แอธ.บิลเบา :
(4-2-3-1) : กอร์ก้า อิไรซอซ-อันโดนี่ อีราโอล่า (กัปตันทีม), มิเกล ซาน โฆเซ่, อายเมริค ลาปอร์เต้, มิเกล บาเลนเซียก้า-อันเดร์ อีตูร์ราสเป้, มิเกล รีโก้-มาร์เกล ซูซาเอต้า, อันเดร์ เอร์เรร่า, ออสการ์ เด มาร์กอส-อาริตซ์ อาดูริซ

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

              ทีมเจ้าบ้าน "ราโย บาเยกาโน่" ฟอร์มช่วงหลังค่อนข้างดีเลยทีเดียว เมื่อชนะในบ้านมา 5 นัดติดแล้ว แต่ทว่าเกมนี้ต้องเจอกับงานยากอย่าง "แอธ.บิลเบา" เพราะฟอร์มทีมเยือนถือว่าไม่ธรรมดา ยิ่งเจ้าถิ่นเป็นบอลสไตล์เน้นเกมบุก รูปเกมช่วงหลังถือว่าสูสีกันพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วคาดว่า "ราโย" น่าจะยันเสมอได้

26

            แข้งซุปตาร์ของทีม "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ "มาร์โก รอยส์" ออกมากล่าวเน้นย้ำว่าตนยังคงมีความสุขดีกับสโมสรถึงแม้ว่าจะยังอุบเงียบเรื่องการต่อสัญญาฉบับใหม่ก็ตาม

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวลือบอกว่า "เสือเหลือง" ได้เสนอสัญญาฉบับใหม่ให้กับดาวรุ่งวัย 24 ปีที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับสโมสรเมื่อปี 2012 พิจารณาแล้ว

ส่วนทางด้านของ "รอยส์" เองก็ไม่ได้ยืนยันเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใดทว่าเขาก็ยอมรับว่ายังมีความสุขดีกับการค้าแข้งในถิ่นซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค

"ผมไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับสัญญาของผม" รอยส์ กล่าว

"ทว่าผมมีเวลาเน้นย้ำว่าผมรู้สึกดีแค่ไหนที่ดอร์ทมุนด์"

ทั้งนี้ทีมดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง "ปีศาจแดง" ก็กำลังหวังว่าจะสามารถโน้มน้าวใจของ "รอยส์" ให้ย้ายออกจากต้นสังกัดและไปเล่นร่วมกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง "ชินจิ คากาวะ" แข้งเลือดซามูไรที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

27

              "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" ปีกซุปตาร์จอมสับของทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ออกมาให้สัมภาษณ์โดยเขายอมรับว่าการคว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในดินแดนบ้านเกิด นั้นถือเป็นหนึ่งในความใฝ่ฝันของเขา

"ราชันชุดขาว" จะลงแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบชิงชนะเลิศกับคู่อริร่วมเมืองอย่าง "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ซึ่งสนามที่ใช้แข่งขันนั้นจะอยู่ในเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ "โรนัลโด้" นั่นเอง

"มันก็เปรียบเป็นเสมือนความฝันเลยนะ" โรนัลโด้ กล่าว

"ความฝันของผมก็คือการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีกในเมืองลิสบอน ประเทศของผม"

"พวกเราจะต้องทำงานหนัก พวกเราจะต้องทำเต็มที่ในการคว้าแชมป์ถ้วยรางวัลวิเศษรายการนี้"

นอกจากนี้ CR7 ยังได้กล่าวว่าเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ทำสถิติยิงประตูมากที่สุดในการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ ลีกต่อหนึ่งฤดูกาลได้ โดยสถิติใหม่นั้นอยู่ที่ 16 ประตู

"มันเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษในการยิงประตู 16 ประตูในรายการแชมเปี้ยนส์ ลีก นี่คือสถิติใหม่ ฉะนั้นแล้วผมรู้สึกดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น"

"แต่พวกเราต้องคำนึงถึงการเล่นรอบชิงชนะเลิศในโปรตุเกส ผมคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด"

28

            "บิเซนเต้ เดล บอสเก้" กุนซือคนเก่งของทีมชาติสเปนออกโรงกล่าวชื่นชม "คาร์โล อันเชล็อตติ" บิ๊กบอสคางทูมของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด คนปัจจุบัน ที่สามารถรวมใจนักเตะให้เป็นหนึ่งอันเดียวกันและสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้

"อันเชล็อตติ" พาขุนพล "ชุดขาว" บุกถล่ม "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค 4-0 ทำให้ผลรวมสองนัด พวกเขาเอาชนะแชมป์เก่าของเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ 5-0 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002

"นอกเหนือจากความสัมพันธ์และมารยาทดีๆที่เขาได้แสดงให้พวกเราเห็นออกมา เขายังคงต้องรับมือกับขุมกำลังนักเตะที่น่าปวดหัวด้วย"

"เขาได้สร้างทีมขึ้นมาใหม่ทีละเล็ก ทีละน้อย"

"เขาไม่ได้ทำสิ่งนั้นสำเร็จตั้งแต่วันแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักเตะเริ่มรวมใจกันเป็นหนึ่งและรากฐานของการเป็นทีมที่ดีก็ถูกหล่อหลอมขึ้นมา"

"อันเชล็อตติเป็นผู้จัดการทีมที่ดีต่อวงการฟุตบอล และเขาก็ทำให้มันดีขึ้น"

29

            "เนย์มาร์" หอกอัจฉริยะออกมายืนยันว่าฤดูกาลของเขากับ "ต่างดาว" บาร์เซโลน่า นั้นยังไม่จบเพียงเท่านี้โดยยืนยันชัดเจนว่าตอนนี้สภาพร่างกายกำลังดีวันดีคืนน่าจะกลับมาช่วยทีมล่าแชมป์ในนัดปิดฤดูกาลพบกับ "ตราหมี" แอตเลติโก้ มาดริด วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม

แข้งแซมบ้าโชคร้ายได้รับบาดเจ็บจากเกมที่พ่ายต่อ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด 1-2 ในนัดชิงชนะเลิศ โคปา เดล เรย์ เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา จนคาดว่าเขาน่าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นถึงสามสัปดาห์ซึ่งนั่นหมายถึงหมดสิทธิ์ช่วย "อาซูลกราน่า" ตลอดทั้งฤดูกาล

อย่างไรก็ตามดาวเตะวัย 22 ปีอัพเดทสภาพร่างกายว่าดีขึ้นเรื่อยๆแล้วและเหลือเวลากว่าครึ่งเดือนมีลุ้นช่วยต้นสังกัดในนัดสุดท้ายเปิดรังคัมป์ นูรอต้อนรับ "ตราหมี"

"ผมหวังว่าผมจะกลับมาได้สำเร็จและทันเกมนัดสุดท้าย" เนย์มาร์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ชื่อดัง "เอล มุนโด เดปอร์ติโบ" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

"หากผมมีโอกาสช่วยทีมล่ะก็ ผมจะทำอย่างไม่ลังเล เราต้องต่อสู้จนหยดสุดท้าย ความหวังคือสิ่งเดียวที่คุณสู้แม้เหลือแค่ 1 เปอร์เซนต์ แต่เราสู้ไม่ถอย"

30

               "ดาวิด ลุยซ์" แบ็คหัวฟูก้มหน้ายอมรับสภาพ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี พยายามเล่นอย่างที่ดีสุดแล้วตามความสามารถที่พึงมีแต่กระนั้นยังไม่ดีพอเมื่อเจอกับโคตรบอลอย่าง "ตราหมี" แอตเลติโก้ มาดริด สมควรผ่านเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกสมศักดิ์ศรีแบบไร้ข้อกังขา

ขณะเดียวกันปราการหลังโปรยิ้มยังได้พูดถึงลูกยิงตีเสมอของ "อาเดรียน" ก่อนพักเบรกครึ่่งแรกว่ากลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง

"แอตเลติโก้ ทำพังประตูอย่างที่พวกเขาต้องการ " ลุยซ์ ยอมรับผ่านสำนักข่าวชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ "สกาย สปอร์ต"

"เราคอนโทรลเกมได้ดีในช่วง 40 นาทีแรก จากนั้นเรายิงประตูขึ้นนำ แต่เราดันมาเสียประตูในช่วงจะเป่าจบครึ่งแรกอยู่แล้ว แอตเลติโก้ เล่นโต้กลับเฉียบขาดมาก"

"ครึ่งหลังพวกเขาพังประตูที่สองจากนั้นเราโขกชนเสาอย่างน่าเสียดาย มันทำให้เกมแตกต่างเลย เราพยายามกลับมาแต่ แอตเลติโก้ ก็ยิงประตูที่สาม"

"พวกเขามีปรัชญาการเล่นที่มหัศจรรย์และเป็นทีมที่ดีมากๆ เราพยายามทุ่มเทอย่างดีที่สุดแล้วแต่เราไม่ดีพอ ฟุตบอลก็ยังงี้แหละ"

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 142