เมษายน 27, 2024, 02:16:18 AM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Reporter

หน้า: 1 ... 65 66 [67] 68
991
       เคยมีข่าวว่ากับทีมใหญ่ๆอยู่นานในที่สุดคริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางของอาแจ็กซ์ อันเตอร์ดัมส์ (ที่จริงๆเวลานี้ต้องเรียกว่าเป็นอดีตกองกลางของอาแจ็กซ์ฯแล้ว) ก็ลงเอยย้ายไปร่วมทัพไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์เป็นที่เรียบร้อย โดยมีสนนราคาค่าตัวเพียง 11.5 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง ส่วนตัวผมเห็นราคาตอนแรกก็ต้องบอกว่าแอบตกใจเล็กๆที่สเปอร์สามารถซื้อได้ในราคานี้ เพราะเทียบฝีเท้า และอายุที่ยังน้อยอยู่แล้วต้องบอกว่าราคานี้ถูกเกินไปจริงๆครับ โดยตามที่ผมประเมิน หรือคิดเอาไว้น่าจะอยู่ที่ 16-20 ล้านปอนด์ เป็นอย่างน้อย อาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

       ทั้งนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสเปอร์ถึงได้คว้าตัวมาง่ายดายขนาดนี้โดยที่ไม่มีสโมสรใหญ่อื่นๆ โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกด้วยกันโดดร่วมวงแย่งตัวเลย อย่างเช่น หงส์แดง ลิเวอร์พูลเมื่อก่อนก็มีข่าวสนใจกองกลางรายนี้อยู่ แถมว่ากันว่าจะซื้อในราคาที่สูงกกว่าที่สเปอร์ซื้อมานี้ประมาณเท่าตัวเลยก็อย่างที่ผมได้ประเมินราคาไว้แหละครับ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยื่นซื้อ หรือว่าอาจจะเป็นเพราะลิเวอร์พูลคิดว่ามีคูติญโญ่อยู่แล้ว ไม่ได้ต้องการนักเตะในตำแหน่งนี้แล้ว คือเอามาก็คงไม่ได้ใช้ อยากจะได้ตัวริมเส้นอย่างที่ร็อดเจอร์สเคยพูดไว้ ซึ่งถ้าดูๆตอนนี้ก็มีในรายของวิคเตอร์ โมเซสล่ะครับ สำหรับเป้าหมายของลิเวอร์พูลนะครับ แต่จะสามารถคว้าตัวมาได้สำเร็จหรือเปล่า นั่นเป็นอีกเรื่องนึง แต่ก็น่าลุ้นครับ ด้วยระยะเวลาตลาดซื้อขายก็ไล่หลังมาจนจนวนเจียนจะปิดลงเต็มทีแล้ว

       ส่วนทีมสเปอร์ นอกจากการคว้าคริสเตียนอีริคเซ่นเข้ามาเสริมทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายรายเลยทีเดียวที่สเปอร์เซ็นต์สัญญาได้สำเร็จ ทั้ง ลาเมล่า ซิริเชส กาปู เปาลินโญ่ ซึ่งคิดๆไปบางทีการเสริมทัพแบบจัดหนักของสเปอร์ ทั้งทีมสเปอร์เวลานี้ยังถูกนำทีมโดยยอดกุนซืออย่างอังเดร วิลาส โบอาส ด้วย อาจเป็นอะไรที่ทำให้คริสเตียน อีริคเซ่น ตัดสินใจย้ายมาร่วมก๊วนสเปอร์อย่างง่ายดายก็เป็นได้ครับ

992
ข่าวฟุตบอล / ข่าวสุดฮาของ "พอล ป็อกบา"
« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2013, 10:25:44 PM »
       ทำเอาฮากันไปทั้งวงการลูกหนังเลยครับ เมื่อ เอเย่นต์ หรือผู้จัดการของนักเตะดาวรุ่งของทีมยูเวนตุส พอล ป็อกบา ออกมาประกาศว่าค่าตัวของนักเตะในความดูแลรายนี้ของเขานั้นอยู่ที่ตัวเลขค่าตัวของแกเร็ธ เบล ที่จะย้ายไปมาดริด แต่เป็นตัวเลขแบบคูณสอง คือหมายถึงสเปอร์จ่ายให้มาดริดเป็นค่าตัวแกเร็ธ เบลเท่าไหร่ ค่าตัวของป็อกบาก็มากกว่านั้นอีกเท่าตัวนึง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้จัดการส่วนตัวของป็อกบานั้นกำลังอินกับข่าวการย้ายทีมของเบล หรือว่าประเมิณศักยภาพของป็อกบา นักเตะในความดูแลสูงเกินไปถึงได้พูดออกมาอย่างนั้น

       เพราะเอาตามตรงคงไม่มีทีมไหนที่จะใจถึงยื่นข้อเสนอเป็นจำนวนเงินดังกล่าวเพื่อขอซื้อตัวพอล ป็อกบา เป็นแน่ คือแค่เอาให้ได้ราคาครึ่งนึงของแกเร็ธ เบล เวลานี้ก็เป็นไปได้ยากแล้ว แต่หากว่าป็อกบาได้สั่งสมผลงานต่อไปอีกสักระยะ สร้างชื่อเสียงให้มากขึ้นมากกว่าอีกอีก ค่าตัวราวๆแกเร็ธ เบล ก็อาจจะมีพอมีความเป็นได้ แต่จะให้มากกว่าถึงสองเท่า ผมคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ ส่วนข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายป็อกบานั้น เห็นแว่วออกมาว่าเป็นทางด้านปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ทีมดังจากเกาะ อังกฤษที่ยื่นซื้อไปด้วยจำนวนเงินราว 20 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเอเย่นต์ป็อกบาจะออกมากล่าวเรื่องฮาดังกล่าวนั้น ทั้งนี้การยื่นซื้อตัวป็อกบาของอาร์เซน่อล ก็เป็นไปตามสไตล์การทำทีมของอาแซน เวนเกอร์ คือเน้นนักเตะอายุน้อยๆ และเน้นใช้นักเตะจากฝรั่งเศสซึ่งเป็นชาติเดียวกับตัวเวนเกอร์

       เพราะป็อกบาเองก็เป็นนักเตะสัญญาฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานความคืบหน้าครับว่า ยูเวนตุสจะตกลงรับข้อเสนอ 20 ล้านปอนด์ของอาร์เซน่อลหรือไม่ และป็อกบาจะได้ย้ายกลับไปเล่นในอังกฤษอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ป็อกบาก็เคยเล่นอยู่กับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ทีมดังของศึกพรีเมียร์ลีก แต่ไม่ได้เป็นตัวหลัก เป็นเพียงนักเตะดาวรุ่งคนนึงเท่านั้นครับ

993
       คลุมเครืออยู่นานสำหรับสถานการณ์การย้ายทีมของหัวหอกร่างตัน เวนย์ รูนี่ย์ ก็ถึงเวลาที่อะไรๆดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆแล้ว โดยเป็นในท่าทีว่ารูนี่ย์นั้นเปลี่ยนใจอยู่กับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดต่อไป เพราะถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ออกมาพูดอะไรอย่างเป็นทางการ แต่ดูจากการลงสนาม และทุ่มเทผลงานให้สโมสรอย่างเต็มที่เหมือนเดิมนั้น ก็เป็นตัดชี้วัดความต้องการของรูนี่ย์ได้แล้วว่าเขาต้องการอย่างไร ทั้งนี้จากท่าทีดังกล่าว สโมสรแมนฯยูไนเต็ดต้นสังกัดของเวนย์ รูนี่ย์จึงได้เตรียมยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้กับรูนี่ย์ในอีกไม่นานนี้

       ทั้งนี้คาดว่าสัญญาฉบับใหม่น่าจะทำให้รูนี่ย์ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก จากเดิมที่ก็ได้รับอยู่มากโขแล้ว โดยสัญญาฉบับเดิมของรูนี่ย์นั้นเจ้าตัวได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 250,000ปอนด์/สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งส่วนตัวผมก็มองว่ามากเกินไป แต่ก็อย่างว่าครับ สโมสรแมนฯยูไนเต็ดนั้นเป็นหนึ่งสโมสรที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ จึงถือว่าไม่แปลกอะไรที่นักเตะซุปตาร์อย่างรูนี่ย์นั้นจะได้รับค่าเหนื่อย หลักสองแสนต่อสัปดาห์ อย่างในรายของแกเร็ธ เบล ปีกจรวดที่จะย้ายไปร่วมทีมรีล มาดริด ยังมีการเปิดเผยค่าเหนื่อยออกมาว่าอยู่ที่ 300,000 ปอดน์/สัปดาห์ นู้นเลยครับ คิดเป็นเงินบาทก็ตก 15 ล้านต่อสัปดาห์ คือถ้าเป็นคนทั่วไปแบบเราก็คงต้องบอกว่า เตะบอลสัปดาห์เดียวก็รวยเลยครับ ส่วนวนกลับมาทีเรื่องของการอยู่ในทีมแมนฯยูไนเต็ดต่อไปของรูนี่ย์ หากเราวิเคราะห์ว่าเป็นผลดีสำหรับใคร

       เป็นผลดีต่อแมนฯยูไนเต็ดไหม เป็นผลดีต่อตัวรูนี่ย์เองไหม ก็คงต้องบอกว่าเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย รูนี่ย์เองก็ไม่ต้องย้ายไปปรับตัวกับทีมใหม่ ซึ่งการย้ายไปปรับตัวกับทีมใหม่บางทีอาจทำให้เขาต้องฟอร์มดังเช่น เฟร์นานโด ตอเรสก็เป็นได้ ขณะที่ทีมแมนฯยูไนเต็ดก็ดีตรงที่ยังคงมีนักเตะฝีเท้าดีๆไว้ให้เลือกใช้งานต่อไป เพราะไม่งั้นจะเหลือเพียงฟาน เพอร์ซี คนเดียเท่านั้นที่เป็นกำลังสำคัญในแดนหน้า ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่เพียงพอสำหรับการลุ้นแชมป์

994
       ควันหลงเกมการแข่งขันฟุตบอลเดอะแคปปิตอล วันคัพ รอบสองที่ทีมดังจากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ลงประเดิมสนามพบกับทีมจากลีกวัน น็อตต์เค้าน์ตี้ เป็นเรื่องของอาการบาดเจ็บของนักเตะหงส์แดง ลิเวอร์พูลถึงสามรายด้วยกัน คือจะเรียกว่านี่เป็นการสังเวยชัยชนะของหงส์แดง เลยก็ว่าได้ครับ โดยสามรายนั้นประกอบด้วย โคโล่ ตูเร่ กองหลังตัวเก๋า โจ อัลเลน มิดฟิลด์ร่างเล็ก และ อาลี ซิสโซโก้ แบ็กซ้ายตัวใหม่ของทีม ซึ่งแต่ละรายก็มีอาการบาดเจ็บที่แตกต่างกันออกไป แต่คาดว่าทั้งสามรายน่าจะไม่สามารถหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาลงบู๊แข่งเกมแดงเดือด

       ที่ลิเวอร์พูลต้องลงเผชิญหน้ากับแมนฯยูไนเต็ดได้ทัน อย่างไรก็ตามในบรรดานักเตะทั้งสามรายที่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงโคโล่ ตูเร่ เท่านั้นที่ดูจะมีผลกระทบกับทีมมากที่สุด เพราะตูเร่เป็นกองหลังตัวหลังที่ยืนตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวจริงให้กับลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นแล้ว ส่วนในรายของซิสโซโก้ กับ โจ อัลเลน นั้นยังไม่ใช่ตัวหลักของทีมซะทีเดียว คือในส่วนแบ็กซ้ายหงส์แดงยังมีโฆเซ่ เอ็นริเก้ ยืนประจำการ มิดฟิลด์ก็ยังมีเจอร์ราร์ด และลูคัส ยืนคู่กัน ถ้าจะน่าห่วงก็คือกำลังสำรองที่อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนเกมส์ แก้เกมส์ เช่น หากระหว่างเกมแดงเดือด แดนกลางของลิเวอร์พูลเป็นรองเก็บบอลไม่ได้ ต่อบอลไม่ได้ จะมองหามิดฟิลด์ลงมาเปลี่ยนเกมก็แถบไม่มีเลย เพราะคิดว่าตัวเลือกคงร็อดเจอร์สน่าจะมีเพียงการใช้ เจอร์ราร์ด ลูคัส และ เฮนเดอร์สัน เท่านั้น

       ที่เหลือก็จะเป็นแนวรุกทั้งหมด เช่น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ฟาบิโอ บอร์รินี่ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ยาโก้ อัสปาสฟิลิปเป้ คูติญโญ่ และหลุยส์ อัลแบร์โต้ ส่วนในแดนหลังถามว่าร็อดเจอร์สจะเอาใครยืนคู่แอ็กเกอร์ เมื่อไม่มีตูเร่ จริงๆก็น่าจะเป็นสเคอเทล แต่ก็อย่างที่ทราบว่าสเคอเทลช่วงนี้ก็มีปัญหาสภาพร่างกายไม่ฟิต แถมเซบาสเตียน โคอาเตสก็เจ็บยาวไปก่อนเพื่อนแล้ว ทางเลือกที่เหลือของร็อดเจอร์สจึงอาจเป็นการส่งเด็กๆลงเล่น เช่น อังเดร วิสดอม มาร์ติน เคลลี่ เป็นต้นครับ

995
ข่าวฟุตบอล / สเปอร์เริ่มเล็ง "ฮวน มาต้า"!
« เมื่อ: สิงหาคม 29, 2013, 08:26:10 PM »
       หลังตัดสินใจปล่อยตัวแกเร็ธ เบลไปมาดริด ด้วยค่าตัวราว 86 ล้านปอนด์ ทีมท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ที่มีข่าวเตรียมซื้อนักเตะรายนั้น รายนี้เยอะแยะมากมายไปหมด ก็เตรียมเล็งไปที่ฮวน มาต้าเพิ่มอีกราย ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีของฮวน มาต้าในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วยละครับ เพราะว่าเชลซีเองก็มีการเสริมทัพบ้าง ที่สำคัญล่าสุดพวกเขาได้ตัววิลเลี่ยน ที่ว่ากันว่าเชลซีปาดหน้าสเปอร์ไปนี่แหละ ดังนั้นโอกาสในการลงสนามในฐานะตัวหลัก ตัวจริงของมาต้าให้กับทีมเชลซีจึงน่าจะลดน้อยลงมาก

       จึงมีความเป็นไปได้มากที่ดีลการย้ายทีมของมาต้าจากเชลซี มาสเปอร์จะเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามการให้สัมภาษณ์ล่าสุดเกี่ยวกับมาต้าจากปากของมูริญโญ่นั้น มูริญโญ่บอกว่า มาต้าไม่ได้มีไว้ขาย โอกาสที่มาต้าจะได้อยู่กับเชลซีต่อไปมันก็เลยยังมีความเป็นได้มากเช่นกัน ทั้งนี้หากสเปอร์เดินหน้าเจรจาคว้าตัวมาต้าจริงๆ นอกจากต้องเจอกับอุปสรรคคือต้นสังกัดเชลซีอาจจะไม่ยอมขายนักเตะรายนี้ออกจากทีมง่ายๆแล้ว พวกเขาก็ต้องเจอกับคู่แข่งจากต่างแดนอย่าง แอตฯมาดริดทีมในบ้านเกิดของมาต้าด้วย เพราะแว่วๆออกมาว่าเป็นแอตฯมาดริดที่เตรียมยื่นข้อเสนอขอยืมตัวมาต้าไปเสริมแกร่งสัก 1 ฤดูกาล ซึ่งด้วยความที่ฮวน มาต้าก็เป็นนักเตะสเปน เลยการได้มีโอกาสกลับไปเล่นในลีกบ้านเกิดนั้น ก็น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของเขาอยู่พอสมควรในการย้ายทีม

       ดังนั้นถ้าสเปอร์ต้องการจะซื้อฮวน มาต้า จริงๆ แบบต้องเอาให้ได้ ก็คงต้องเตรียมการอย่างดีหน่อย โดยเฉพาะในขั้นตอนการพูดคุยโน้มน้าวตัวนักเตะนั้น ถ้าทำได้ไม่ดีพอ โอกาสแห้วมีสูงสำหรับสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรก็ตามครับข่าวความต้องการซื้อตัวฮวน มาต้า ของเชลซีเวลานี้ก็เพียงแต่เป็นข่าวลอยๆขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ บางทีแล้วความจริงระหว่างทีมสิงห์บูล เชลซี กับทีมไก่เดือยทอง สเปอร์อาจจะไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายฮวน มาต้า เลยก็เป็นได้

996
       เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาในวงการฟุตบอลของโลกและของยุโรป มี อีเกร์ กาซิยาส เป็นผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดลำดับต้นๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่งเลยก็ได้ ทั้งอีเกร์ กาซิยาสยังเป็นถึงกัปตันทีมชาติสเปน ซึ่งเป็นทีมแชมป์โลก แชมป์ยุโรปหนล่าสุด และทีมทีมที่กุมความเป็นเจ้าของยุโรปในด้านการเล่นฟุตบอลตลอดระยะเวลาหลายปีให้หลัง ทั้งนี้ในความเหนียวหนึบของกาซิยาสนั้นเป็นที่กล่าวขานไปทั่วในหมู่แฟนบอล และนั่นทำให้กาซิยาสเป็นหนึ่งผู้รักษาประตูที่เป็นไอดอลของเด็กๆอย่างไม่ต้องสงสัย

       แต่ว่าวันนี้ เวลานี้ นาทีกาซิยาสกำลังกลายเป็นเพียงผู้รักษาประตูสำรองให้ทัพราชันชุดขาว รีล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่แห่งสเปน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกความจริงที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ โดยจะว่าไปมันก็ส่อเค้ามาตั้งแต่ช่วงฤดูกาลที่แล้ว ที่มูริญโญ่ กุนซือคนเดิมของราชันชุดขาวคุมทีมอยู่แล้วล่ะ เพราะมูริญโญ่เองก็เลือกใช้กาซิยาสเป็นเพียงตัวสำรองอยู่หลายต่อหลายนัด กระนั้นหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าภายหลังเปลี่ยนกุนซือกาซิยาสน่าจะได้กลับมาเป็นมือหนึ่งของมาดริดต่อไป ทว่าพอเปลี่ยนกุนซือแล้วจริงๆ จากมูริญโญ่มาเป็นคาร์โล อันเชร็อตติ กาซิยาสก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดิม คือกุนซือคนใหม่ (อันเชร็อตติ) นั้นก็ยังไม่ได้ไว้วางใจให้กาซิยาสเป็นมือหนึ่ง โดยสองเกมในฤดูกาลใหม่ผ่านพ้นไป

       เป็นทางด้านดิเอโก้ โลเปซ ที่สวมบทบาทลงสนามเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม และก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเมื่ออันเช่ถูกสื่อถามเกี่ยวกับประเด็นกาซิยาส อันเช่ก็ตอบกลับไปสั้นๆประมาณว่าเวลานี้ผ่านไปสองเกมและก็เป็น โลเปซที่ได้ลงสนาม ซึ่งเขาก็โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ เวลานี้มันจึงน่าสนใจครับว่ากาซิยาสกำลังคิดอะไรเกี่ยวกับอนาคตตัวเองอยู่ หรือกำลังรู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องตกเป็นตัวสำรอง ทั้งๆที่ทั้งชีวิตการเล่นฟุตบอลที่ผ่านมาของเขามีแต่ผู้รักษาประตูรายอื่นที่ต้องมาเป็นสำรองของเขา

997
       ออกสตาร์ทฤดูกาลมาได้ 2-3 นัด บิ๊กแมทจริงๆของพรีเมียร์ลีก อังกฤษก็ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยหนึ่งแมทด้วยกัน ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ และทีมจากลอนดอน แมนฯยูไนเต็ด – เชลซี นั่นเอง โดยผลการแข่งขันก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ คือจบลงที่ผลเสมอ หาผู้ชนะไม่ได้ ที่สำคัญผลเสมอนี่น่าจะเป็นผลเสมอที่บรรดากองเชียร์เดอะค็อปชื่นอกชื่นใจเป็นที่สุด เพราะเท่ากับว่าสองทีมใหญ่ๆนั้นไปตัดแต้มกันเอง ทำให้ทีมลิเวอร์พูลของเขายังคงอยู่ในร่องในลอยของการเป็นทีมหัวตารางต่อไป

       ซึ่งถ้าไม่นับจำนวนนัดที่ผ่านพ้นไปเพียงน้อยนิด ผมว่าฤดูกาลนี้ดูอะไรๆจะเป็นใจให้ทีมหงส์แดง มากกว่าหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งผลการแข่งขันของทีมตนเอง และผลการแข่งของคู่แข่ง (ก็ไม่รู้ว่าด่วนตัดสินเกินไปหรือเปล่าครับ) ในฤดูกาลที่แล้วอย่าว่าแต่ผลการแข่งขันของคู่แข่งเลย ผลการแข่งขันของทีมตัวเองทั้งๆที่เล่นดีมากๆยังกลับไม่เป็นใจ ไม่ออกมาในแบบที่มันควรจะเป็นเลย คือเล่นดีแต่ไม่มีแต้ม ว่าอย่างนั้นเลยครับสำหรับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่พอมาเปรียบเทียบกันกับฤดูกาลนี้ ก็อย่างที่เห็นและได้กล่าวไปแล้ว จวนเจียนจะเสียประตู จวนเจียนจะโดนแบ่งแต้มแต่ก็รอดพ้นมาได้ ขณะที่ผลการแข่งขันของคู่แข่ง เชลซี – แมนฯยูไนเต็ด หากว่าไม่จบลงที่ผลเสมอ เช่น แมนฯยูไนเต็ด เป็นผู้ชนะ ก็น่าจะเป็นแมนฯยูไนเต็ดที่แซงลิเวอร์พูลขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงแทน หรือแมนฯยูไนเต็ดแซงขึ้นเป็นจ่าฝูง

       เขี่ยเชลซีลงมาเป็นรองจ่าฝูง ส่งผลกระทบให้ลิเวอร์พูลหล่นลงจากรองจ่าฝูงเช่นกัน ส่วนกรณีเชลซีชนะ แม้ลิเวอร์พูลจะรั้งอันดับรองจ่าฝูงต่อไป แต่พวกเขาก็จะถูกเชลซีทำแต้มทิ้งห่างไปอีก 3 แต้มเต็มๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ไล่คืนให้ทันได้ในเร็ววัน เพราะแมทหน้าลิเวอร์พูลต้องพบกับแมนฯยูไนเต็ด แต่กับสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ ลิเวอร์พูลดูได้เปรียบทีมอื่นๆหมดจากบรรดาบิ๊กทีมทั้งหลาย ด้วยแต้มก็น้อยกว่าเชลซีเพียงแต้มเดียว ทว่าแข่งน้อยกว่าหนึ่งแมท หากแมทต่อไปเอาชนะแมนฯยูไนเต็ดได้ ก็จะมีแต้มที่มากกว่าเชลซีทันทีสองแต้ม (เทียบกับจำนวนแข่งขันที่เท่ากัน) แต่ถ้าเสมอก็ยังมีแต้มเท่ากัน หรือเลวร้ายที่สุดคือแพ้ก็ยังมีแต้มตามหลังทั้งเชลซี และแมนฯยูไนเต็ดเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

998
       ชักจะไม่แน่นอนซะแล้ว สำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่บรรดาคอบอลพากันฟังธงไว้ว่าจะเป็นทางด้าน แมนฯซิตี้ กับเชลซีที่คับเคี่ยวแย่งแชมป์กันอย่างเมามันส์ เนื่องจากล่าสุดทีมเศรษฐีเรือใบ บุกไปพ่ายน้องใหม่ คาร์ดิฟฟ์ แบบเสียเชิง เก็บคะแนนกลับออกมาไม่ได้สักคะแนนเดียว เท่ากับตอนนี้เล่นไป 2 ทีมเรือใบก็พลาดท่าพ่ายแพ้ซะแล้ว ตามวิสัยทีมลุ้นแชมป์น่าจะไม่แบบนั้น ในขณะที่อีกทีมเชลซีนั้นยังคงพาตัวเองอยู่ในเส้นทางที่สวยงามอยู่ จากผลงานการลงแข่งขันสองนัดเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม แต่นั่นก็ยังไม่แน่นอนอยู่ดี

       เพราะพวกเขากำลังจะต้องเตรียมตัวลงพบกับทีมแมนฯยูไนเต็ด อีกหนึ่งที่ก็มีขุมกำลังในระดับที่ลุ้นแชมป์ได้ ส่วนความพ่ายแพ้ของทีมเรือใบที่มีต่อทีมคาร์ดิฟฟ์นั้น เป็นความพ่ายแพ้ด้วยสกอร์ 3-2 โดยเป็นทางด้านทีมลุ้นแชมป์ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะการยิงของอเกวโร่ กุน ในนาทีที่ 52 แต่แล้วไม่กี่นาทีถัดมาก็เป็นทางด้านเจ้าบ้านคาร์ดิฟฟ์ที่มาไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ จากการยิงของ อารอน กุนนาร์สสัน ไม่เท่านั้นช่วงท้ายเกม นาทีที่ 78 เป็นทางด้าน เฟรเชอร์ แคมเบลล์ ที่โขกประตูจากลูกโยนเตะมุมส่งคาร์ดิฟฟ์ขึ้นนำทีมเรือใบเป็น 2-1 แล้วก็เป็น แคมเบลล์คนเดิมมาโขกประตูจากลูกโยนเตะมุมเหมือนเดิมอีกในนาทีที่ 87 ส่งคาร์ดิฟฟ์ขึ้นนำอีกครั้งด้วยสกอร์ 3-1 ทางด้านทีมเรือใบมาตีคืนได้เพียงประตูเดียวจากการโหม่งของอัลบาโร่ เนเกรโด้ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้สกอร์จบลงที่ 3-2 ดังกล่าว

       ซึ่งผลจากการที่เรือใบสีฟ้าพ่ายแพ้ในแมทนี้จึงทำให้ทีมสิงห์บูล เชลซี ยังคงเป็นทีมจ่าฝูงต่อ ขณะที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลก็รั้งรองจ่าฝูงต่อไปเช่นกัน จะมาตัดสินกันว่าทีมสิงห์บูลจะร่วงจากจ่าฝูงหรือไม่ และหงส์แดงจะร่วงจากรองจ่าฝูงหรือไม่ก็ในบิ๊กแมทที่สิงห์บูลพบกับผีแดง แมนฯยูไนเต็ดนี่เลยครับ หากแมนฯยูไนเต็ดสามารถเอาชนะเชลซีได้ ก็มีโอกาสเขี่ยทั้งเชลซี และเขี่ยทั้งลิเวอร์พูลร่วงจากตำแหน่งจ่าฝูง และรองจ่าฝูงพร้อมๆกันตามลำดับ แต่ถ้าแมนฯยูไนเต็ดทำได้ดีที่สุดแค่เสมอ จ่าฝูง และรองจ่าฝูงก็น่าจะเป็นหน้าเดิมแบบนี้ไปอีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงเกมแดงเดือดที่แอนฟิลด์

999
       ก็ไม่แปลกอะไรครับกับการที่มีข่าวออกมาว่าแมนฯยูไนเต็ดประกาศชัดว่าพร้อมขายรูนี่ย์ออกจากทีม หากทีมที่ยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวเข้ามานั้นเป็นทีมจากต่างแดน ไม่ใช่ทีมในพรีเมียร์ อังกฤษ อย่างสิงห์บูล เชลซี ที่ยื่นข้อเสนอแบบตามตื้อเข้ามาอยู่ขณะนี้ เพราะทีมระดับลุ้นแชมป์ในทุกๆฤดูกาลอย่างแมนฯยูไนเต็ดย่อมไม่ต้องการส่งนักเตะที่เป็นอาวุธสำคัญของตนเองมาโดยตลอดให้กับคู่แข่งแน่นอน เรียกว่าส่งไปก็เหมือนกับการยื่นมีดให้ศัตรูเหมือนที่อาร์เซน่อลส่งเพอร์ซีมาให้แมนฯยูไนเต็ดนั่นล่ะครับ ฉะนั้นแล้วงานนี้เชลซีอาจจะต้องยอมถอดใจไว้แต่เนิ่นๆเลยก็ได้

       เว้นแต่ว่าจะรอให้เวนย์ รูนี่ย์อยู่กับทีมผีแดงต่อไปจนหมดสัญญานู้นน่ะครับ ถึงเวลานั้นคงได้ตัวเวนย์ รูนี่ย์มาอยู่กับทีมอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้การกระทำของแมนฯยูไนเต็ดที่สื่อตีข่าวลงครั้งนี้ก็น่าดูชมเหลือเกินครับว่าทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก อังกฤษจะมองแมนฯยูไนเต็ดอย่างไร? นักเตะหลายๆคนของแมนฯยูไนเต็ดที่โด่งดังอยู่ตอนนี้ก็ซื้อมาจากทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษด้วยกัน กระทั่งรูนี่ย์เองแมนฯยูไนเต็ดก็ซื้อมาจากเอฟเวอร์ตันเมื่อหลายปีก่อน แต่ทีนี้พอทีมอื่นอยากจะซื้อนักเตะของตัวเองบ้าง ในขณะที่นักเตะก็อยากจะย้าย แล้วทำไมถึงไม่ยอมขายให้ทีมในลีกเดียวกัน คือมันจะดูไม่ยุติธรรมสำหรับทีมร่วมลีกทีมอื่นๆหรือเปล่า ที่สำคัญไม่ยุติธรรมสำหรับตัวนักเตะด้วย เพราะบางทีการย้ายทีมของนักเตะ

       ก็ต้องถามถึงใจของนักเตะด้วยว่าเขาอยากจะย้ายไปไหน ไปเล่นที่ไหน อย่างรูนี่ย์เองก็อาจจะยังอยากเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไม่อยากย้ายไปเล่นต่างแดน ไม่อยากเสียเวลาปรับตัวให้เข้ากับการเล่นฟุตบอลต่างแดน การใช้ชีวิตต่างแดนก็ได้ ดังนั้นผมจึงคิดเล่นๆว่าบางทีอาจมีความเป็นได้ว่าทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษเห็นการกระทำของแมนฯยูไนเต็ดแบบนี้แล้วก็อาจพลอยให้พวกเขาทำกับแมนฯยูไนเต็ดเช่นเดียว คือเวลาไหนแมนฯยูไนเต็ดอยากได้นักเตะของทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก ทีมเหล่านั้นก็ออกมาประกาศชัดเจนทันทีว่าไม่มีทางขายให้แมนฯยูไนเต็ดแน่นอน

1000
       ยังคงคึกคักต่อเนื่องครับ ในส่วนของกระแสข่าวการย้ายทีม ซื้อขายตัวผู้เล่นต่างๆในยุโรป ซึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษเวลานี้เป็นทีมเชลซีที่กำลังคุยๆกับทีมอินจิ มาคัชคาล่า ทีมดังจากรัสเซียเพื่อดึงตัววิลเลี่ยนมาร่วมทีม เรียกว่าแซงตัดหน้าทั้งลิเวอร์พูล และสเปอร์สองทีมรวดเลย หากว่าได้ตัวมาจริงๆ แต่ประเด็นไม่ใช่แค่นั้น คือแว่วออกมาว่าเมื่อเชลซีได้ตัววิลเลี่ยนมาร่วมทีมจริงอาจจะทำการปล่อยตัว ฮวน มาต้า ออกจากทีม ถ้าเป็นอย่างนี้จึงน่าลุ้นเลยว่ามาต้าจะได้ไปร่วมก๊วนทีมไหน? ส่วนตัวผมขอภาวนาให้เป็นทีมในอังกฤษจะได้สู้กับเชลซีได้มันส์ขึ้น

       โดยที่มีข่าวอยู่ก่อนหน้าก็เป็น แมนฯยูไนเต็ดล่ะครับ แต่ข่าวนั้นเกิดขึ้นมาแบบว่าเป็นลักษณะจะขอแลกตัว แถมตัว กรณีขายรูนี่ย์ให้กับเชลซี ส่วนถ้าจะเป็นลักษณะเชลซีขายให้แมนฯยไนเต็ดอย่างเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับดีลรูนี่ย์ คือรูนี่ย์ก็ไม่ได้ย้ายไปเชลซีนั้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่เกิดขึ้นยาก เพราะว่าถ้าแมนฯยูไนเต็ดไม่ยอมขายรูนี่ย์ให้เชลซี แล้วเชลซีจะยอมขายมาต้าให้แมนฯยูไนเต็ดทำไม ถูกไหมครับ? มันก็เหมือนกับเชลซีนั้นยื่นอาวุธให้คู่แข่งแย่งแชมป์ไปเปล่าๆ โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรกลับมาก็น่ากลัวว่าแมนฯยูไนเต็ดจะเป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์มากกว่าเขลซี แต่ทั้งนั้นทั้งนี้จะมองไปที่ทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีกก็เดาไม่ออกจริงๆว่าถ้าเกิดการย้ายจริงๆมาต้าจะไปอยู่ทีมไหน ถ้าเป็นลิเวอร์พูล มาต้าก็ไม่น่าจะเลือกเพราะลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ไม่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ถ้าเป็นแมนฯซิตี้ก็ไม่น่าจะใช่อยู่ดี

       ด้วยเวลานี้แมนฯซิตี้เสริมทัพไปเต็มที่แล้ว และขุมกำลังของเรือใบสีฟ้าเวลานี้ก็คงพร้อมเต็มที่ คงไม่ได้ต้องการเสริมตัวผู้เล่นเพิ่มเติมแล้ว ที่เป็นไปได้มากหน่อยก็เป็นอาร์เซน่อลที่กำลังหาผู้เล่นดีๆเสริมทีมอยู่ ติดอยู่ว่าอาร์เซน่อลจะเป็นทีมที่ดีพอที่มาต้าอยากย้ายไปอยู่ด้วยไหม ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวของมาต้าเองครับ

1001
       อย่างที่ทราบกันดีว่า ปีกจรวดชาวเวลล์ “แกร็ธ เบล” เคยมีข่าวว่าเตรียมย้ายซบทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ชุดพักนึง ด้วยค่าตัวราว 100 ล้านปอนด์ หรือมากกว่านั้น แต่แล้วจู่ๆคร่าวนั้นก็เงียบหายไป พร้อมมีกระแสข่าวสวนทางกันออกมาว่าประธานสโมสร รีล มาดริดนั้นบอกว่าค่าตัวราว 100 ล้านปอนด์นั้นแพงไปสำหรับเขา จึงน่าจะได้ข้อสรุปกันว่าดีลของแกเร็ธ เบล กับ รีล มาดริดที่ว่ากำลังจะเป็นสถิติใหม่ของโลกนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ไปๆมาๆ ไม่รู้ยังไงตอนนี้มีกระแสข่าวของเบลกลับเข้ามาใหม่อีกรอบ โดยรอบนี้ว่ากันว่า ตกลงค่าตัวกันอยู่ที่ 93 ล้านปอนด์ + ฟาบิโอ โคเอนเทรา

       คือหมายถึงมาดริดจะยอมจ่ายเงินสดให้สเปอร์มากถึง 93 ล้านปอนด์ และแถมโคเอนเทรา แบ็กซ้านชาวโปรตุกีส เพื่อนร่วมชาติของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ให้อีกรายด้วย ซึ่งถึงตรงนี้ ข้อเสนอแบบนี้ผมก็ว่าจะแพงไปอยู่ดี คือมันสวนทางกับการออกมาพูดจากปากของประธาน มาดริด ในช่วงก่อนหน้านั้นที่ว่าค่าตัวสำหรับเบลที่ 100 ล้านปอนด์นั้นแพงเกินไป เพราะถ้ายืนยันว่าค่าตัวระดับนั้นแพงเกินไป มาดริดก็ไม่น่าจะยอมจ่ายเป็นเงินสดถึง 93 ล้าน พร้อมแถมโคเอนเทราให้ด้วย คือยังงี้ก็เท่ากับว่าถ้ารวมค่าตัวของโคเอนเทรา หรือตีมูลค่าของโคเอนเทราเป็นเงิน (ซึ่งจริงๆก็ควรต้องทำอย่างนั้น) ก็น่าจะเกิน 100 ล้านปอนด์ไปแล้ว เพราะค่าตัวของโคเอนเทราไม่น่าจะต่ำกว่า 7 ล้านปอนด์เป็นแน่

       แต่คิดอีกอย่างก็อาจคุ้ม ถ้าซื้อไปแล้ว เบลสามารถทำได้แบบโรนัลโด้ ด้วยสิ่งที่มาดริดได้รับตอบแทนตอนนี้เทียบจากมูลค่าของโรนัลโด้เมื่อตอนที่ซื้อมาจากแมนฯยูไนเต็ดนั้นมันก็เกิน 80 ล้านปอนด์ไปมากมายแล้วล่ะ อีกอย่างถ้าไม่ซื้อตอนนี้ ราคานี้ก็ไม่รู้จะไปซื้อตอนไหน จะซื้อในราคาที่ต่ำกว่านี้ สเปอร์ก็ไม่ยอมขาย ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านนานไป เบลอายุมากขึ้นเรื่อยๆก็ไม่เป็นผลดีเหมือนการซื้อมาใช้งานเสียตั้งแต่อายุน้อยๆอย่างนี้

1002
ข่าวฟุตบอล / ฟอร์มแปลกๆของ "อาร์เซน่อล"
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 10:55:26 PM »
       ไม่เรียกว่าฟอร์มแปลกก็ไม่รู้จะเรียกอะไร สำหรับฟอร์มของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ที่เป็นไปอย่างที่เราเห็นกัน ช่วงปรีซีซั่นนั้น สามารถโชว์ฟอร์มได้ดียอดเยี่ยม หลายๆนัดชนะคู่แข่งแบบขาดลอย ชนิดที่ต้องบอกว่ายิงแบบไม่ไหวหน้า แต่พอมาในช่วงเปิดฤดูกาลเพียงนัดแรกก็สะดุดพ่ายแพ้ทีมที่ศักยภาพต่ำกว่าอย่าง แอสตัน วิลล่าไปแบบขาดลอยซะแล้ว ไม่เท่านั้นครับ ถัดจากโปรแกรมบอลลีก อาร์เซน่อลมีคิวต้องลงแข่งโปรแกรมฟุตบอลถ้วย ซึ่งเป็นถ้วยใบใหญ่ของยุโรป (ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก)

       โดยลงพบกับทีมดังจากตุรกี (เฟเนบาเช่) ทีมอาร์เซน่อลกลับสามารถบุกไปถล่มได้ถึงถิ่นขาดลอย 3-0 ทำเอาแฟนบอลยุโรปงงเป็นไก่ตาแตกว่านี่อาร์เซน่อลกำลังทำอะไรอยู่ วันดีคืนดีก็เอาชนะคู่แข่งแบบขาดลอย แต่พอวันไหนนึกอยากแพ้ก็แพ้ง่ายๆซะอย่างนั้น ซึ่งส่วนนึงถ้าจะไม่มองกันที่ความแปลกของฟอร์มการเล่นทีมอาร์เซน่อล ก็คงต้องไปมองกันที่ฟอร์มการเล่นของทีมตรงข้าม กล่าวคือ อาจเป็นทางด้านแอสตัน วิลล่า ที่เล่นได้ดีเกินคาดในแมทที่พบกับอาร์เซน่อล และเป็นทางด้านเฟเนบาเช่ที่เล่นได้แย่ไปหน่อย ก็เลยทำให้ผลการแข่งขันมันออกมาแบบที่เราได้เห็นกัน ส่วนสกอร์ที่อาร์เซน่อลทำได้ 3-0 ในเกมยุโรปนัดล่าสุดที่อาร์เซน่อลลลงเล่นกับเฟเนบาเช่นั้น อาร์เซน่อลได้มาจากคีแรน กิ๊บบ์ ในนาทีที่ 51 อารอน แรมซี่ย์ นาทีที่ 64

       และจากจุดโทษของโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 77 อย่างไรก็ตาม ฟอร์มการเล่นในแมทนี้แม้ว่าจะน่าพอใจสำหรับแฟนปืนใหญ่ ทั้งน่าพอใจสำหรับตัวกุนซือ อาร์แซนเวนเกอร์ด้วย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ยังไม่อาจวางใจในฟอร์มการเล่นแมทต่อๆไปของอาร์เซน่อลได้อยู่ดี คือบางทีเราอาจจะได้เห็นฟอร์มการเล่นที่แปลกๆของอาร์เซน่อลมากกว่านี้อีกก็เป็นได้ ต้องอยู่ที่เวนเกอร์แล้วล่ะว่าจะแก้ไขฟอร์มการเล่นแปลกๆ หรือฟอร์มการเล่นแบบสามวันดีสี่วันไข้นี่อย่างไร เพื่อให้ทีมอาร์เซน่อลกลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามสำหรับทุกทีม ไม่ใช่ทีมเล็กใหญ่จะแพ้ จะชนะอาร์เซน่อลอย่างไร เท่าไหร่ก็ได้อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

1003
       คราวที่แล้วกล่าวถึงกรณีตัวอย่าง ฟาบิโอ บอร์รินี่ กองหน้าลิเวอร์พูลที่มีสไตล์การเล่นแบบยิงประตูจบสกอร์ได้อย่างเดียว แต่ว่าแบรนแดน ร็อดเจอร์ กุนซือลิเวอร์พูลในยุคฟุตบอลสมัยใหม่อย่างนี้ใช้แผนการเล่นแบบกองหน้าตัวเป้าคนเดียว ซึ่งก็เท่ากับว่านี้ทำให้ที่ยืนของบอร์รินี่ในสนามลดน้อยลงแล้ว เพราะอะไร? ก็เพราะว่าในทีมลิเวอร์พูลก็มีกองหน้าให้เลือกใช้หลายราย อย่างน้อยก็ราวๆ 3-4 ราย ซึ่งถ้าบอร์รินี่จะทอดแทรกลงไปเป็นตัวจริงได้ ก็เท่ากับว่าเขาต้องเอาชนะกองหน้ารายอื่นๆในทีมอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป

       และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วความจริงมันก็ปรากฏให้เห็นกันในฤดูกาลที่ผ่านมาว่า ร็อดเจอร์สเลือกใช้หลุยส์ ซัวเรซประจำการในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ที่ยืนของบอร์รินี่จึงเป็นที่ยืนที่ไม่ถนัดนัดคือ กองหน้าตัวริมเส้น หรือตัวทำเกมริมเส้นนั่นเอง ด้วยสไตล์การเล่นของเจ้าตัวในแบบฉบับกองหน้าในอดีตคือลากเลื้อยบอลก็ไม่ดี จ่ายบอลแม่นๆก็ไม่ได้ เวลาทีร็อดเจอร์สส่งลงสนามไป เขาจึงไม่สามารถทำผลงานอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายร็อดเจอร์สจึงไปเลือกใช้กองหน้ารายอื่นๆที่สามารถเล่นได้หลากหลายกว่า ไม่ก็เป็นพวกนักเตะที่เล่นได้หลากหลายคือไม่ใช่กองหน้าโดยตรงมาเล่น เช่น สเตอร์ลิ่ง ซึ่งแม้จะเป็นปีก แต่ก็เล่นกองหน้าริมเส้นได้ หรือปัจจุบันก็มีทั้ง สเตอร์ริดจ์ และฟิลิปเป้ คูติญโญ่อีกคนด้วย ไหนจะมีอัสปาส นักเตะรายใหม่เพิ่มเข้ามาในทีม ทีนี้ก็เลยกลายเป็นว่าบอร์รินี่แทบจะไม่มีโอกาสได้ลงสนามซะแล้ว

       อย่างไรก็ตามครับ บอร์รินี่เป็นนักเตะที่อายุยังน้อย หากมีการปรับตัวให้สามารถเล่นกับตำแหน่งอื่นๆได้หลากหลายกว่านี้ โอกาสในการประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูลก็ยัง ทั้งนี้เหตุผลบางส่วนที่ทำให้ฟาบิโอ บอร์รินี่ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นให้ลิเวอร์พูลก็คงต้องเป็นที่แบรนแดน ร็อดเจอร์สด้วยซึ่งไม่ค่อยไว้วางใจให้บอร์รินี่ได้ลงสนามในฐานะกองหน้าตัวเป้า ไม่ว่าจะลงสนามไปกี่นัดๆก็จึงไม่สามารถยิงประตูได้อย่างที่เจ้าตัวต้องการครับ

1004
       “เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลง ผู้คนก็ต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาด้วย” ผมว่าประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอกับทุกวงการการ โดยเฉพาะวงการฟุตบอล ซึ่งหากเราดูเปรียบเทียบฟุตบอลในอดีต หรือที่ผ่านมาๆกับฟุตบอลสมัยใหม่นี้ และเลือกโฟกัสไปที่ผู้เล่นตำแหน่งกองหน้า เราจะเห็นเลยว่า หากผู้เล่นตำแหน่งกองหน้าไม่มีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงจากเดิม โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเล่นฟุตบอลก็ยาก คือสำหรับฟุตบอลในอดีต เราจะเห็นได้ว่าหลายๆทีมเน้นการเล่นในแบบใช้กองหน้าคู่ เวลาลงสนามแข่งขันในแต่ละแมท

       ก็จะมีสองกองหน้าคู่ยืนเป็นตัวเป้าด้วยกัน ช่วยกันเล่น โดยที่แต่ละคนก็จะมีหน้าที่ทำประตูด้วยกันทั้งคู่ สิ่งที่กองหน้าฟุตบอลในอดีตต้องทำก็ไม่มีอะไรแค่จบสกอร์ให้คม ยิงประตูให้คมก็พอ แต่กับปัจจุบัน หรือกับฟุตบอลสมัยใหม่ ระบบการเล่นแบบเดิมๆเลือนหายไป กลายเป็นว่าส่วนใหญ่แต่ละทีมใช้กองหน้าตัวเดียว แล้วใช้ผู้เล่นมิดฟิลด์คอยปั้นเกม หรือคอยช่วยยิงประตูด้วย ที่ยืนสำหรับกองหน้าประเภทจบสกอร์เป็นอย่างเดียวจึงลดน้อยลง อย่างบางทีทีมที่เหมือนจะสงกองหน้าลงเยอะ เช่น สามคน แต่พอเอาเข้าจริงๆเวลาลงไปอยู่ในสนามก็จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นกองหน้าจริงๆ ที่เหลือก็สองคนก็จะเป็นตัวริมเส้น ต้องคอยเลี้ยงบอล คอยจ่ายบอล คอยทำเกมอยู่ริมเส้น

       ฉะนั้นนักเตะกองหน้าที่รู้จักปรับตัวให้เขากับสมัยใหม่ สามารถเล่นได้ทั้งแบบสไตล์ยิงประตู จบสกอร์ สไตล์ลากเลื้อยทำเกม สไตล์จ่ายบอลให้เพื่อนยิงจึงมีโอกาสที่ดีกว่านักเตะกองหน้าที่ไม่ยอมปรับตัว ตั้งหน้าตั้งตาจะเล่นแบบยิงประตูอย่างเดียว ซึ่งกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนมากคือในรายของฟาบิโอ บอร์รินี่ของลิเวอร์พูล นักเตะกองหน้ารายนี้เป็นประเภทยิงประตูจบสกอร์ได้เท่านั้น ลูกลากเลื้อย ลูกจ่ายแม่นๆไม่ค่อยมีเลย แต่ระบบการเล่นของร็อดเจอร์ส เป็นการใช้กองหน้าตัวเป้าคนเดียว ความยากในการประสบความสำเร็จของบอร์รินี่ก็เลยเกิดขึ้นมาครับ


1005
       ในช่วงเตรียมทีมปรีซีซั่นของบรรดาทีมสโมสรในยุโรป คอบอลหลายคงทราบกันดีว่าทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ทีมยักษ์ใหย่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม บางนัดถล่มคู่แข่งซะยับเยินแบบไม่ไว้หน้าเลย ในขณะที่ทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษเช่นกัน แถมยังเป็นทีมแชมป์เก่าด้วยนั้น การเล่นในปรีซีซั่นของพวกเขากลับสวนทางกับทีมอย่างอาร์เซน่อลแบสิ้นเชิงเลย คือ 7 นัด เก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น ดูแล้วก็น่าห่วงฟอร์มการเล่นในฤดูกาลใหม่จริงๆ

       แต่ทว่าเมื่อฤดูกาลใหม่เริ่มขึ้นจริงๆฟอร์มของทั้งสองทีมก็ยังคงสวนทางกันอยู่ แต่กลับเป็นการสวนทางคนละแบบคือกลายเป็นว่าทีมอาร์เซน่อลที่อุ่นเครื่องปรีซีซั่นอย่างหรูนั้นต้องมาฟอร์มห่วยแพ้เปิดบ้านแพ้ที่แอสตัน วิลล่า ซึ่งที่มาตฐานการเล่นด้อยกว่าไปแบบขาดลอยด้วยผลบอล 1-3 ส่วนทางฝั่งผีแดงที่หลายท่านมองว่าน่าห่วงฟอร์มการเล่นในช่วงเปิดฤดูกาลนั้นบุกไปขยี้ทีมอย่างสวอนซี ซิตี้ ได้ถึงถิ่นลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ทั้งที่ทีมสวอนซีนั้นเป็นหนึ่งทีมที่มีผลงานดีมากๆ ในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็คว้าแชมลีกคัพไปครองได้ จบอันดับในลีกก็ที่ 9 แม้จะมีตัวผู้เล่นที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง แถมในปีนี้พวกเขาก็กำลังทะลุเข้าไปเล่นรอบเพลย์ออฟฟุตบอลยุโรป ยูโรป้าลีกได้ด้วย

       โดยผลบอลของแมทที่แมนฯยูไนเต็ดบุกไปชนะสวอนซีคือ 1-4 ส่งผลให้พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันทีที่จบการแข่งขันลง พร้อมทั้งยังส่งนักเตะในทีมขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมกันสองคนในเวลาเดียว คือในรายของ ฟาน เพอร์ซี และแดนนี่ เวลเบค ที่ช่วยกันเหมาคนละสองประตูในเกมนี้ ฉะนั้นมาถึงตรงนี้แล้วก็คงต้องบอกว่าสำหรับสองทีมนี้ อาร์เซน่อล – แมนฯยูไนเต็ด ฟอร์มการเล่นช่วงปรีซีซั่นไม่ได้มีผลอะไรกับฟอร์มการเล่นในฤดูกาลแข่งขันจริงๆเลยครับ จากที่ห่วงๆแมนฯยูไนเต็ด ตอนนี้ก็คงต้องเปลี่ยนใจไปห่วงอาร์เซน่อลแล้วล่ะ

หน้า: 1 ... 65 66 [67] 68