เมษายน 24, 2024, 01:55:24 PM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Reporter

หน้า: 1 ... 64 65 [66] 67 68
976
       ต้องเรียกว่าไม่ทันตั้งตัวจริงๆ สำหรับการย้ายทีมของเมซุส โอซิล กองกลางตัวเก่งจากทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด มาอยู่กับทีมไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นเพราะการมาของแกเร็ธ เบล ที่ทำให้มาดริดยอมทุ่มเงินมหาศาลราว 100 ล้านยูโรเพื่อจ่ายค่าตัว คือถ้าแบ่งสาเหตุให้ละเอียดหน่อยก็แบ่งได้เป็นสาเหตุของเรื่องเงิน และการใช้งานนักเตะ คือมาดริดซื้อเบล 100 ล้านยูโรอย่างที่บอกว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล แถมเป็นระดับราคาที่ทำลายสถิติโลกด้วย

       ดังนั้นจำเป็นครับที่มาดริดต้องขายนักเตะที่มีมูลค่ามากๆออกจากทีมไป เพื่อให้มีเงินเข้ามาในสโมสรบ้าง และโอซิลก็อยู่ในความสนใจของอาร์เซน่อลพอดี ก็เลยเข้าทางมาดริด ส่วนสาเหตุในด้านของการใช้งานนักเตะ แน่นอนเบลเข้ามาด้วยค่าตัวขนาดนั้น ความหวังสูงขนาดนั้น ไม่ได้เอามาเป็นตัวสำรองอยู่แล้ว และถ้าเบลไม่ได้เป็นตัวสำรอง มาถึงเป็นตัวจริงเลย จะให้โรนัลโด้เป็นตัวสำรองก็คงไม่ใช่ ผู้โชคร้ายจึงเป็นโอซิลเองนั่นแหละ แต่ทว่าด้วยความที่สิ่งที่โอซิลคิด สิ่งที่โอซิลตั้งใจอยากจะทำนั้นสวนทางกับเหตุผลของรีล มาดริด ก็อย่างที่เขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่ายินดีต้อนรับเบลที่ย้ายมาอยู่กับทีมใหม่ ทีมเดียวกับเขา และพร้อมต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงกับเบล แถมยังยืนยันว่าจะอยู่กับมาดริดต่อไปจนครบสัญญา ไม่ได้คิดจะย้ายไปไหน และหลังจากหมดสัญญากับมาดริดค่อยว่ากันใหม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร

       ก็เลยเป็นว่าเจ้าตัวนั้นต้องย้ายออกจากทีมมาดริดแบบงงๆ ย้ายแบบความรู้สึกแปลกประหลาด แต่ทั้งนี้ก็น่าชื่นชมที่การเปิดใจของโอซิลนั้นที่บอกว่ารู้สึกแปลกประหลาด รู้สึกมึนงงที่ต้องย้ายทีมแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น โอซิลไม่ได้พูดจวกสโฒสรมาดริดในทางเสียหาย พร้อมทั้งอวยพรให้สโมสรมาดริดและเพื่อนร่วมทีมเก่าประสบความสำเร็จ และยังขอบคุณช่วงเวลาดีๆในสโมสรรีล มาดริด ตลอด 3 ปีที่เข้าค้าแข้งอยู่อีกด้วย

977
       ตามตื้อขอยื่นข้อเสนอซื้อตัวอยู่ซะหลายรอบ ทีนี้ก็ดูทีท่าว่าทางด้านแมนฯยูไนเต็ดกำลังจะสมหวังได้ตัวมารูยาน เฟลไลนี่ มิดฟิลด์ของเอฟเวอร์ตันไปร่วมทีมสักทีแล้วครับ โดยว่ากันว่าทางด้านเอฟเวอร์ตันเวลานี้พอใจกับค่าตัว 24 ล้านปอนด์สำหรับเฟลไลนี่คนเดียวที่แมนฯยูไนเต็ดยื่นให้ ก่อนหน้านี้ที่เราทราบๆข่าวกันก็มีหลายครั้งหลายคราที่ออกมาเป็นแบบว่าแมนฯยูไนเต็ดยื่นซื้อแบบแพ็คคู่ คือยื่นไปรวมๆให้เป็นทั้งค่าตัวของเฟลไลนี่ด้วย และเลนตันเบนส์ ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กซ้านด้วย

       อย่างรอบล่าสุดเท่าที่ทราบข่าวเป็นประมาณ 36-38 ล้านปอนด์ แต่ก็ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดข้อเสนอนั้นถูกปฏิเสธ หรือว่าเอฟเวอร์ตันต้องการขายแค่เฟลไลนี่รายเดียวเท่านั้น ถึงได้แว่วออกมาว่าตกลังค่าตัวเฟลไลนี่กันที่ 24 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามครับแม้ว่าจะมีข่าวออกมาขนาดนี้ ก็ยังเป็นอะไรที่น่าลุ้นอยู่ดี เพราะตลาดซื้อขายนักเตะกำลังใกล้จะปิดลงเต็มทีแล้ว หากว่าทุกอย่างเจรจากันได้ไม่รวดเร็ว และราบรื่น บางทีดีลที่แฟนบอลผีแดงพากันเฝ้าคอยอยู่นี้ก็อาจล่มก็เป็นได้ ส่วนเมื่อผีแดงสามารถเซ็นต์สัญญาคว้าตัวเฟลไลนี่มาได้จริงๆแล้วก็น่าสนใจครับว่าแมนฯยูไนเต็ดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยเฉพาะแดนกลางจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่าใด คือเดวิด มอยส์จะเอาเฟลไลนี่มายืนแทนใคร ซึ่งถ้าให้ผมเดาๆ

       คาดว่าเมื่อได้เข้ามาในทีมแล้วน่าจะมายืนแทนทอม เคฟเวอรี่ ประมาณว่ายืนคู่กับคาริค ไม่ก็บยืนเหนือคาริคขึ้นมาหน่อยเป็นตัวปั้นเกม ขณะที่รายอื่นๆที่จะเข้ามาร่วมเล่นเกมรุก ก็น่าจะยังคงเป็นแอชลี่ย์ ยัง รูนี่ย์ เพอร์ซี ซึ่งเท่านี้ก็คิดว่าน่าจะทำให้เกมรุก และเกมแดนกลางของแมนฯยูไนเต็ดมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ทอม เคฟเวอรี่ อย่างไรก็ตามก็ลืมไม่ได้ว่าแมนฯยูไนเต็ดยังมีทางด้านของชินจิ คางาวะอยู่อีกรายที่พร้อมจะเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงกับเฟลไลนี่ หากว่าเฟลไลนี่ได้ย้ายมาอยู่ในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด

978
       งานนี้อยู่ที่ทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ดซะแล้วครับ ในส่วนของอนาคตการย้ายทีมของอันเด เอร์เรร่า มิดฟิลด์ตัวเก่งของทีมแอธแลนติก บิลเบา เพราะเจ้าตัวเอร์เรร่านั้นได้มีการเข้าไปพูดคุยเปิดอกกับต้นสังกัดตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าต้องการย้ายไปอยู่กับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ทีมดังแห่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าทางด้านทีมปีศาจแดงนั้นได้ยื่นข้อเสนอเข้าไปให้กับแอธแลนติก บิลเบาแล้วเป็นจำนวนเงินสูงถึง 30 ล้านปอนด์ แต่ทว่ากลับโดนปฏิเสธกลับมา

       ตอนนี้จึงอยู่ที่ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะพร้อมเพิ่มข้อเสนอเข้าไปหรือไม่? ซึ่งข้อเสนอที่จะเป็นจุดลงเอยให้เกิดการย้ายทีมของเอร์เรร่าจริงๆน่าจะอยู่ที่ ราวๆ 36 ล้านยูโร ซึ่งเป็นจำนวนเงื่อนไขการฉีกสัญญาของเอร์เรร่า แต่ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าเมื่อทางสโมสรบิลเบาได้ทราบถึงความต้องการย้ายทีมของนักเตะในความดูแล บางทีก็อาจจะลดระดับราคาค่าตัวลงมาก็ได้ เช่น แมนฯยูไนเต็ดเพิ่มเข้าไปเป็น 32 ล้านยูโร ก็อาจจะตัดสินใจขายได้เหมือนกัน อันนี้ผมคาดเดาเอานะครับ เพราะดูแล้วน่าจะเป็นการยากที่จะรั้งตัวนักเตะไว้ในอนาคต คือไม่ย้ายวันนี้วันหน้านักเตะก็คงย้ายไปอยู่กับทีมอื่นอยู่ดี ถ้าตัดสินใจขายในตอนนี้อย่างน้อยก็ได้ราคาดี แต่ประเด็นก็คือว่าแมนฯยูไนเต็ดมองระดับราคา 30 ล้านยูโรไว้อย่างไร ถ้ากรณีที่แมนฯยูไนเต็ดมองว่าเท่านี้ก็แพงไปแล้ว

       มันก็อาจจะไม่มีการยื่นข้อเสนอใหม่เข้าไปอีก แล้วก็แน่นอนอัน เอร์เรร่าจะไม่ได้ย้ายทีมไปร่วมทัพผีแดงแน่นอน แล้วอีกเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวกับการตัดสินใจยื่นซื้อเอร์เรร่าอีกครั้งของแมนฯยูไนเต็ด ผมคิดว่าเป็นดีลเฟลไลนี่ คือกรณีดีลเฟลไลนี่สำเร็จ คิดว่าแมนฯยูไนเต็ดน่าจะปิดประตูซื้อเอร์เรร่า ส่วนถ้าดีลเฟลไลนี่ไม่สำเร็จก็มีความเป็นไปได้มากที่แมนฯยูไนเต็ดจะเร่งเดินหน้ายื่นข้อเสนอให้กับบิลเบาก่อนที่ตลาดซื้อขายจะปิดลง

979
       ถึงแม้ว่าการย้ายทีมของวิคเตอร์ โมเซสจากทีมเชลซีไปหงส์แดง ลิเวอร์พูล อาจจะเป็นในแบบยืมตัวเท่านั้น ไม่ใช่การย้ายแบบซื้อขาดเหมือนอย่างในรายของดาเนียล สเตอร์ริดจ์แต่อย่างใด แต่การย้ายครั้งนี้มันก็ทำให้อดหวนนึกถึงการย้ายมาของสเตอร์ริดจ์ไม่ได้ คือเมื่อผมรู้ว่าโมเซสกำลังจะย้ายมาลิเวอร์พูลแบบยืมตัวหนึ่งฤดูกาล ก็มีคำถามขึ้นมาในใจแล้วว่า จะเป็นแบบสเตอร์ริดจ์ไหม? สเตอร์ริดจอยู่กับทีมเชลซีก็ไม่ค่อยได้รับโอกาส ไม่ได้เป็นตัวจริง เป็นนักเตะประเภทดังแบบดังไม่สุด

       แต่พอมาอยู่กับลิเวอร์พูลได้แบรนแดน ร็อดเจอร์ส คอยเป็นคนให้โอกาส สนับสนุนให้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ กลับกลายเป็นกองหน้าที่น่าจับตามองมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกซะอย่างนั้น คือทำเอาแฟนสิงห์บูลหลายต่อหลายคนบ่นเสียดายกันไม่หยุดเลย สำหรับการขายสเตอร์ริดจ์ให้กับลิเวอร์พูลในครั้งนั้น ในรายของโมเซสการเริ่มต้นย้ายทีมครั้งนี้มันก็เหมือนๆกัน โมเซสเป็นนักเตะแนวรุก มีทักษะ ฝีเท้าเฉพาะตัวที่ดีในระดับนึง และก็ไม่ได้รับโอกาสในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์สักเท่าไหร่จึงน่าจะลงเอยด้วยการย้ายแบบยืมตัวมาลิเวอร์พูล ซึ่งถ้าย้ายมาแล้วได้รับโอกาสแบบที่สเตอร์ริดจ์ได้รับ ก็จะเป็นไปได้ไหมที่จู่ๆโมเซสก็จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในยอดนักเตะตำแหน่งปีกของพรีเมียร์ลีก

       คือค่อนข้างแน่นอนละว่าเวลานี้เร็วเกินไปถ้าใครสักคนจะฟันธงว่าเป็นแบบนั้นแน่ กระนั้นผมก็ไม่อาจปฏิเสธว่าลึกๆแล้วเชียร์ เอาใจช่วยให้โมเซสกลายเป็นนักเตะอีกหลายที่ทำผลงานได้ดีเมื่อย้ายมาอยู่กับทีมใหม่เหมือนทางด้านดาเนียล สเตอร์ริดจ์ เพราะอะไร? เหตุผลง่ายคือ หลายทีมจะได้เห็นความสำคัญ และให้โอกาสกับนักเตะดีๆที่ตนเองมีอยู่แล้วในทีม ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ซื้อเข้ามาใหม่ ซื้อเข้ามาใหม่อย่างเดียว แล้วสุดท้ายนักเตะหลายต่อหลายรายที่ซื้อเข้ามาใหม่ก็กลายมาเป็นตัวสำรองให้กับนักเตะที่เข้ามาในอนาคตข้างหน้าอยู่ดี

980
       หลังลงเอยขายแกเร็ธ เบล ให้กับราชันชุดขาว รีล มาดริด ดาเนียล เลวี่ประธานของทีมสเปอร์ก็ออกมาระบายความในใจแล้ว โดยระบุทำนองว่าถูกเบลบีบให้ขายเขาออกจากทีม ซึ่งทั้งที่ในความเป็นจริงตนไม่มีความคิดที่จะขายเบลออกจากสโมสรเลย เพราะต้องการสร้างให้สเปอร์เป็นสโมสรที่แข็งแกร่งมีนักเตะดีๆอยู่ในทีมเพื่อการทำผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่ก็อย่างที่เห็นมาดริดมีความต้องการสูงที่จะคว้าเบลไปร่วมทีม และเบลก็มีความต้องการย้ายทีมสูงมากเช่นกัน สูงถึงขนาดไม่ยอมมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมทั้งๆที่ยังคงอยู่ในบทบาทของนักเตะสเปอร์

       ซึ่งท้ายที่สุดเลวี่จึงคิดว่าเบลคงไม่พร้อมที่จะมีความรับผิดชอบที่มากเพียงพอสำหรับการลงเล่นให้ทีมสเปอร์ในฤดูกาลนี้แล้ว และนั่นย่อมไม่ใช่ผลดีสำหรับทีมสเปอร์ จึงตัดสินใจที่จะขายเบลให้กับมาดริด แต่ก็ต้องทำมันเมื่อมั่นใจได้แล้วว่าเรามีทีมที่แข็งแกร่งมากพอสำหรับฤดูกาลใหม่แล้ว คือเรื่องนี้โดยส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการทำงานที่น่าชื่นชมมากอย่างที่เห็นกันว่าเบลมีข่าวจวนเจียนว่าจะย้ายไปมาดริดนานมาก แต่ก็ไม่ได้ย้ายไปสักที นั่นมันแสดงถึงความรอบความในการทำงานของเลวี่ที่ต้องการให้สเปอร์เป็นทีมที่เสริมทัพด้วยนักเตะหน้าใหม่ๆจนเป็นที่น่าพอใจในขุมกำลังก่อนเสร็จแล้วจึงค่อยปล่อยเบลไปมาดริดแบบร็อยเปอร์เซ็นต์ และสิ่งที่สเปอร์ได้ก็คือขุมกำลังนักเตะที่ดี และแข็งแกร่งมากจริงๆ

       ทั้งยังได้ค่าตัวของแกเร็ธ เบลที่เป็นสถิติโลก ซึ่งนั่นทำให้การช้อปนักเตะใหม่ๆเข้ามาเสริมแกร่งให้ทีมสเปอร์นั้นเป็นอะไรที่พวกเขาแทบไม่ต้องควักเงินจ่ายเองเลย ก็เหมือนปล่ยเบลไปเพื่อแลกกับนักเตะใหม่ฝีเท้าดีถึง 4-5 รายด้วยกัน เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่กระนั้นก็น่าติดตามว่าทีมใหม่ของสเปอร์ที่ดูแล้วแข็งแกร่งกว่าเดิมพอสมควรนั้น เมื่อลงทำการแข่งขันจริงๆแล้วจะแข็งแกร่งกว่าเดิมจริงหรือไม่ และจะพาให้สเปอร์จบอันดับที่ดีกว่าเดิมในลีกได้หรือไม่

981
ข่าวฟุตบอล / "ร็อดเจอร์ส" ชี้เหตุชนะ "ผีแดง"
« เมื่อ: กันยายน 03, 2013, 10:07:00 PM »
       เป็นธรรมเนียมธรรมดาหลังจบเกมการแข่งขันครับที่จะมีสื่อเข้าไปสัมภาษณ์ผู้จัดการทีมของทั้งสองฝั่ง โดยที่แบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของทีมผู้ชนะนั้นชี้ให้เห็นว่าที่พวกเขาสามารถเอาชนะทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ดได้นั่นเป็นเพราะเรื่องของหัวจิตใจหัวใจของนักสู้ที่อยู่ในตัวของนักเตะหงส์แดง โดยเฉพาะในแง่ของการเล่นเกมรับ นักเตะหงส์แดงทุกคนตั้งใจ มุ่งมั่น จึงได้รางวัลตอบแทนเป็นผลการแข่งขันที่สวยหรูเช่นนี้ กับอีกหนึ่งสิ่งก็คือการทำงานอย่างหนักของพวกเขาในช่วงปรีซีซั่น คือร็อดเจอร์สพยายามอธิบายว่าในช่วงปรีซีซั่นนั้นนักเตะหงส์แดงทำงานหนัก ทุ่มเทฝึกซ้อม และลงแข่งขันกับทีมต่างๆ

       จนสิ่งที่ทำนั้นส่งผลลัพธ์ออกมาในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลอย่างที่เห็นนี้ โดยเจ้าตัวนั้นบอกว่ามีรู้ภาคภูมิใจในตัวลูกทีมทุกคนจริงๆที่สามารถทำผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาได้ทั้งในเกมลีกสามนัด และเกมแคปปิตอลวันคัพอีกหนึ่งนัด อย่างไรก็ตามทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของแบรนแดน ร็ฮดเจอร์สจะยึดตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษต่อไปอย่างน้อยอีกประมาณสองสัปดาห์กว่าที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษนัดที่ 4 ของฤดูกาลจะกลับมาคิกออฟกันอีกครั้ง ด้วยระหว่างสองสัปดาห์นี้ฟุตบอลลีกของอังกฤษจะพักการแข่งขันเพื่อหลีกทางให้กับฟุตบอลทีมชาติที่มีคิวแข่งขันรายการฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ส่วนแมทการแข่งขันในลีกของลิเวอร์พูลแมทต่อไปนั้น ถือว่าไม่ใช่งานง่ายเลย โดยพวกเขาจะต้องยกพลไปเยือนลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ของสวอนซี ซิตี้

       ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มได้สวยงามด้วยการเอาชนะทางด้านเดอะแบ็กกี้เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนไป 2-0 ส่วนแมนฯยูไนเต็ดที่เพิ่งผ่านพ้นศึกแดงเดือดกับลิเวอร์พูลไปนั้นเจองานง่ายๆด้วยการต้อนการมาเยือนของทีมปราสาทเรือนแก้ว คริสตัน พาเลซ น้องใหม่ประจำพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งคาดว่าน่าจะเก็บสามคะแนนเต็มชดเชยจากความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมไร้แต้มในแมทแดงเดือดได้อย่างสบายๆ

982
       เรียกว่าเป็นการแสดงความเห็นหลังเกมของเดิวิด มอยส์ ที่ทำเอาแฟนบอลปีศาจแดงงงกันเป็บแถบเลยครับ เพราะรูปเกมที่ไม่สู้ดี ไม่ค่อยมีโอกาสจบสกอร์ แถมผลคือพ่ายแพ้ต่อทีมหงส์แดงไป 1-0 นั้น เดวิด มอยส์ กลับแสดงความเห็นว่ารู้สึกพอใจกับเกมนี้ และคิดว่าพึงพอใจกับขุมกำลังที่มีอยู่ในทีม แถมบอกด้วยว่านี่เป็นเกมที่แมนฯยูไนเต็ดเล่นดีที่สุดในฤดูกาลแล้ว เพียงแค่ไม่สามารถยิงประตูได้เท่านั้นเอง และต่อให้ปิดตลาดซื้อขายแล้วไม่ได้ใครเข้ามาเสริมทัพตนเองก็ไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างใด

       เป็นใครๆก็งงครับ ลูกทีมเล่นแพ้ แถมรูปเกมก็ไม่ดี แต่ยังออกมาบอกว่าพึงพอใจกับผลงาน ซ้ำร้ายกว่านั้นยังบอกพึงพอใจกับขุมกำลังที่มีอยู่ ทั้งที่ความเป็นจริงประจักษ์อยู่แล้วว่าขุมกำลังชุดนี้ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดไม่เพียงพอต่อการลุ้นแชมป์จริงๆ โอเคหากว่าเดวิด มอยส์ นับรวมขุมกำลังอื่นๆที่ไม่ได้ลงสนาม อาทิเช่น วินฟรีด ซาฮา ชินจิ คางาวะ และเวนย์ รูนี่ย์ ก็อาจได้ลุ้นแชมป์แบบปลายๆอยู่ แต่การจัดตัวผู้เล่นลงสนามของเดวิด มอยส์ รวมทั้งการเลือกใช้ผู้เล่นตัวสำรอง มันดูแล้วขัดหูขัดตาแฟนบอลไปหมด คือไม่รู้ว่าเดวิด มอยส์มีแผนการทำทีมอย่างไร มีแนวคิดการเลือกใช้ผู้เล่นอย่างไร ถึงได้เลือกใช้ในแบบที่เราเห็นๆกัน เช่น การส่ง ไรอัน กิ๊กส์ มิดฟิลด์ที่อายุเฉียดเลข 4 เข้าไปแล้วลงสนามเป็นตัวจริง

       คือที่ควรจะเป็นในสายตาแฟนบอลก็คือการเก็บกิ๊กส์ไว้เป็นตัวสำรอง ไว้ใช้เป็นตัวเปลี่ยนเกม ใช้เป็นอาวุธเด็ดช่วงท้ายเกม ด้วยสภาพร่างกายของไรอัน กิ๊กส์นั้นไม่เอื้ออำนวยให้เล่นได้จนจบเกม 90 นาที อีกทั้งถ้าส่งลงมาเป็นตัวจริงแล้ว เสลาจะแก้เกมส์ ทีมก็หมดไม้เด็ดแล้ว คือไม่มีตัวที่จะลงมาเปลี่ยนเกมส์ได้ก็อย่างที่เห็นๆมีหลุยส์ นานี่ลงมาในช่วงท้ายก็ไม่ได้ทำให้ทีมแตกต่างจนนำมาซึ่งประตูตีเสมอได้แต่อย่างใด ฉะนั้นผมว่าบางทีนี่อาจถึงเวลาแล้วที่ทางด้านเดวิด มอยส์จะต้องรับฟังเสียงความเห็นจากบรรดาแฟนบอลปีศาจแดงบ้าง ฟังกระแสรอบข้างบ้าง ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาทำทีมตามแบบฉบับที่ตนเองทำสมัยคุมเอฟเวอร์ตัน ซึ่งแน่นอนแบบนั้นมันไม่เวิร์กสำหรับทีมที่มีเป้าหมายในการลุ้นแชมป์แน่นอน

983
ข่าวฟุตบอล / "เมสซี่" กับแฮตทริกแรก
« เมื่อ: กันยายน 02, 2013, 10:14:33 PM »
       ฤดูกาลที่แล้วก็เป็นนักเตะที่ทำประตูได้สูงสุดใน แถมนับรวมผลงานตลอดปีที่แล้วก็เล่นทำสถิติการยิงประตูสูงสุดของโลกด้วย มาในฤดูกาลนี้ทางด้านลิโอเนล เมสซี่ก็เริ่มฉายแววทำอะไรแบบเดิมๆซ้ำๆด้วยการเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดอีกแล้วครับ โดยเริ่มต้นฤดูกาบไปได้ไม่ทันไร ตอนนี้ก็ซัดแฮตทรกแรกเข้าไปแล้ว แถมเป็นการซัดใส่ทีมยักษ์กใหญ่ อย่างไอ้ค้างคาว บาเลนเซียซะด้วย ซึ่งเกมนี้บาร์เซโลน่ายกพลไปเยือนถิ่น เอสตาดิโอน เด เมสตาย่า ของบาเลนเซีย และก็เป็นเมสซี่เจ้าของแฮตทริกในแมทนี้นั่นละครับ ที่กดสามตุงส่งบาร์ซ่าขึ้นนำไปก่อน 3-0 ประตูแรกเกิดขึ้นในนาทีที่ 11 จากจังหวะการจ่ายของเชส ฟาเบรกาส แล้วเมสซี่ก็ยิงเข้าไปง่ายๆ

       ส่วนประตูที่สองเกิดขึ้นในนาทีที่ 38 คนยิงและคนจ่ายก็เป็นคนเดิม แล้วต่อมาในนาทีที่ 41 ก็เป็นประตูแฮตทริก โดยคนจ่ายคราวนี้เปลี่ยนเป็นเนย์มาร์ ทว่าเริ่มมาในครึ่งหลังกลับเป็นทางด้านบาเลนเซียที่มาทำประตูไล่มาได้สองประตู ทำจบเกมบาร์เซโลน่าเอาชนะบาเลนเซียไปแบบเฉียดฉิว 3-2 ทั้งๆที่นำก่อนตั้ง 3 ประตู อย่างไรก็ตามด้วยการที่แมทนี่ลิโอเนล เมสซี่สามารถทำแฮตทรกได้ตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ก็ถือได้ว่าเกมนี้เป็นเกมที่น่าพอใจสำหรับสาวกบาร์เซโลน่าแล้วครับแต่ถึงกระนั้นท่ามกลางชัยชนะและแฮตทริกของลิโอเนล เมสซี่ เกมรับบาร์เซโลน่าก็นับว่าเป็นเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

       คือถ้าหากว่าต่อไปเกมรับยังเล่นได้เพียงเท่านี้ อาจจะไม่ส่งผลดีต่อการเก็บแต้มในระยะยาว โดยส่วนตัวผมเกรงว่า บาร์เซโลน่าจะเป็นลักษณะขึ้นนำคู่แข่งลูกสองลูก (คือไม่ได้ยิงเยอะขนาดสามลูกแบบเกมนี้ )แล้วก็เกมรับก็มาพลาดโดนยิงตีเสมอ ทำให้จากที่ควรจะเก็บสามแต้มก็กลายเป็นได้แค่แต้มเดียว อะไรทำนองนี้ ซึ่งถ้าเป็นตามนี้จริงแน่นอนการเก็บแต้มแข่งกับมาดริดระยะยาวตลอดทั้งฤดูกาลมีปัญหาแน่นอน ดังนั้นบาร์เซโลน่าควรจะต้องแก้ไขปัญหาเกมรับให้ได้ เพื่อที่พูดง่ายๆเลย กองหน้าจะได้ไม่ยิงเหนื่อยฟรี


984
ข่าวฟุตบอล / ในที่สุดก็ดีล "เฟลไลนี่" ก็จบ
« เมื่อ: กันยายน 02, 2013, 10:13:52 PM »
       จะเรียกว่าจบดีลได้แล้วหรือเปล่าก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ สำหรับดีลการซื้อขายมารูยาน เฟลไลนี่ ระหว่างทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ด และทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้มีสื่อพากันตีข่าวออกมาแล้วว่าแมนฯยูไนเต็ด และเอฟเวอร์ตันตกลงทุกอย่างกันเรียบร้อยแล้วและเอฟเวอร์ตันจะขายมารูยาน เฟลไลนี่ให้กับแมนฯยูไนเต็ดในราคา 24 ล้านปอนด์ตามที่เป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ฉะนั้นที่เหลือก็เป็นแต่เพียงการเซ็นต์สัญญาเปิดตัวกันอย่างเป็นทางการเท่านั้น

       เรียกว่าสมหวังกันทั้งคู่ ทั้งเฟลไลนี่ และแมนฯยูไนเต็ด คือแมนฯยูไนเต็ด โดยเฉพาะผู้จัดการทีมเดวิด มอยส์ก็ต้องการให้เฟลไลนี่ย้ายมาอยู่กับทีมนานแล้ว และเฟลไลนี่เองก็อยากย้ายไปอยู่กับผีแดงตั้งแต่ทราบว่าทีมผีแดงนั้นต้องการตัวเขา อย่างไรก็ตามในส่วนขงนักเตะทอฟฟี่อีกรายที่แมนฯยูไนเต็ดต้องการคือแบ็กซ้าย เลตัน เบนส์นั้นส่อแววดีลล่ม เพราะว่ากันว่าความต้องการของเอฟเวอร์ตันนั้นมากเกินกว่าที่แมนฯยูไนเต็ดยินดีจ่าย คือเอฟเวอร์ตันต้องการค่าตัวของเบนส์ราว 20 ล้านปอนด์เลยทีเดียว แต่ทางด้านแมนฯยูไนเต็ดประเมินฝีเท้าและชื่นชั้นของนักเตะแล้ว พวกเขาไม่ยินดีที่จ่ายมากขนาดนั้น โดยคาดว่าแมนฯยูไนเต็ดน่าจะยินดีจ่ายสักประมาณ 15-16 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจคือหลังจากการตกลงขายเฟลไลนี่ให้แมนฯยุไนเต็ดที่ราคา 24 ล้านปอนด์แล้ว เอฟเวอร์ตันต้องเดินหน้าหามิดฟิลด์รายใหม่มาทดแทน

       ซึ่งตอนนี้ลือกันว่าเอฟเวอร์ตันเล็งไปที่ เจมส์ แม็คคาธีของทางด้านวีแกน แอธแลนติก กระนั้นก็ยังไม่แน่ว่าวีแกนจะยอมปล่อยตัวให้เอฟเวอร์ตันง่ายๆหรือเปล่า คือถ้าวีแกนไม่ยอมปล่อยตัวให้ก็เป็นงานยากสำหรับเอฟเวอร์ตันแล้วที่อาจจะต้องเผชิญฤดูกาลใหม่ต่อไปด้วยการไม่ไร้มิดฟิลด์คนสำคัญของทีม เนื่องจากตลาดซื้อขายไม่น่าจะมีเวลาเหลือมากเพียงพอให้เอฟเวอร์ตันได้เฟ้นหามิดฟิลด์รายใหม่เข้ามาทดแทน

985
       ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเกมรับเล่นได้ไม่ถูกใจมานูเอล เปเยกรินี่ หรือเป็นเพราะเรื่องของความต้องการที่จะนำเอานักเตะที่ตนเองเคยร่วมงานด้วยกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ทีมเรือใบสีฟ้าถึงไปดึงเอากองหลังวัย 32 ปีของทางด้านแอตแลนติโก มาดริด ทีมดังแห่งลาลีกาสเปน “มาติน เดมิเคลิส” มาร่วมทีม ซึ่งเดมิเคลิสนั้นเคยค้าแข้งให้กับมาลาก้าอดีตทีมที่มานูเอล เปเยกรินี่ กุนซือปัจจุบันของทีมเรือใบสีฟ้าเคยคุม แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเวลานี้มาติน เดมิเคลิสก็กลายเป็นส่วนนึงของนักเตะใหม่หลายรายที่แมนฯซิตี้เสริมทัพเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้แล้วครับ

       ส่วนราคาค่าตัวของเดมิเคลิสนั้นตามเปิดเผยอยู่ที่ 3.5 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับตำแหน่งการเล่น อายุ และก็ฝีเท้าของเจ้าตัวครับ สำหรับระยะนั้นเซ็นต์กันที่ 2 ปีครับ แต่การเสริมทัพด้วยเดมิเคลิสของเรือใบสีฟ้าครั้งนี้ก็ทำให้อดนึกเปรียบเทียบกับในรายของโคโล่ ตูเร่ ที่ทีมเรือใบสีฟ้าปล่อยให้ย้ายไปอยู่กับทีมลิเวอร์พูลแบบฟรีๆไม่ได้ครับ คือคิดแล้วก็มีคำถามว่าทำไมเรือใบไม่ต่อสัญญากับตูเร่ออกไป จะไม่ดีกว่าหรือ อย่างที่เห็นกันตูเร่ย้ายไปอยู่กับทีมหงส์แดง แล้วก็สามารถเล่นได้ยอดเยี่ยมทันที ฟอร์มการเล่นก็ไม่ต่างจากช่วงพีคๆของตัวเขาเองเลย นี่อาจจะเข้าตำราที่ว่ามีของดียู่ใกล้ตัว แต่ไม่เห็นค่าก็เป็นได้ครับ

       แน่นอนผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ไปก็คือทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ซึ่งได้กองหลังดีๆไปใช้งานทันทีโดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าตัวสักแดงเดียว อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะแย้งว่าของแบบนี้ต้องดูกันยาวๆ ฟุตบอลแข่งขันทั้งฤดูกาลไม่ใช่แค่ 3-4 นัด ตัดสินผลงานของตูเร่เวลานี้อาจเร็วเกินไป จะพูดอย่างนั้นก็อาจจะถูกก็ได้ครับ แต่อย่างไรเสียผมก็ยังคิดว่าประสบการณ์ที่ตูเร่ผ่านการเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษมาอย่างโชกโชนนั้น ยังไงๆก็เป็นประโยชน์ต่อทีมลิเวอร์พูลไปอย่างน้อยก็จนกว่าสัญญาระหว่างเขา และทีมลิเวอร์พูลจะสิ้นสุดลง


986
       ถือเป็นการเสริมทัพเพิ่มของเชลซีที่น่าสนใจเลยครับ ในส่วนของการไปดึงตัวทางด้านคริสเตียน อัตซู ปีกชาวกาน่าของทีมปอร์โต้มา เพราะอะไรไม่ต้องสงสัยครับ อย่างแรกคือฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมโดดเด่นของอัตซูแน่นอน ฤดูกาลที่ผ่านมาเขาเป็นหนึ่งในนักเตะปอร์โต้ไม่กี่คนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นเหนือเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ ทว่าด้วยระยะสัญญาที่เหลือเยงแค่ 1 ปี และเจ้าตัวน่าจะไม่ต้องการต่อสัญญากับสโมสรออกไป เอฟซี ปอร์โต้ จึงต้องจำยอมปล่อยขายให้เชลซีในราคาถูกๆ ในส่วนราคาราคานี้จึงนับเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ดีลการเสริมทัพครั้งนี้ของเชลซีน่าสนใจ

       คือต้องบอกว่าเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมได้ทั้งนักเตะฝีเท้าดี และราคาถูกกว่าที่ควรจะเป็นด้วย โดยสนนราคาอยู่ที่ 3.5ล้านปอนด์เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามมีสิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจไปกว่านั้นอีก นั่นคือ การที่เชลซีปล่อยอัตซูไปให้กับทีมอื่นยืมตัวต่อทันทีที่เซ็นต์สัญญาคว้าจัวอัตซูมาร่วมถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือก็เป็นว่าอัตซูได้ย้ายทีมทีเดียวสองต่อเลย ซึ่งทีมที่อัตซูจะย้ายไปร่วมทีมแบบยืมตัวนั้นคือ วิเทสส์ อาร์เน่ม ทีมในลีกของประเทศฮอลแลนด์ ดังนั้นค่อนข้างแน่นอนว่าฤดูกาล 2013-2014 อัตซูไม่น่าจะได้ลงเล่นให้กับทีมสิงห์บูล เชลซี เว้นเสียแต่ว่าระหว่างฤดูกาลสิงห์บูลประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ จึงมีการเรียกตัวอัตซูกลับมา คือถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะได้พอเห็นฟอร์มการเล่นของปีกรายนี้บ้าง

       แต่กระนั้น การซื้อตัวแบบนี้หลายคนอาจสงสัยว่าเชลซีซื้อมาทำไมในเมื่อทีมไม่ได้ต้องการใช้งานนักเตะโดยตรง คือจะซื้อมาให้เปลืองตังค์แล้วปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปเผื่ออะไร นี่ก็คงต้องอธิบายว่าส่วนนึงเป็นเพราะเชลซีเป็นทีมที่มีเงินเยอะ และก็คงจะคิดถึงประโยชน์ในอนาคตข้าง คือถ้าไม่ซื้อเอาไว้ตอนนี้ ทีมอื่นๆก็อาจมาซื้อตัวตัดหน้าไป แต่นี่ซื้อมาแล้วยังไงยังไม่ใช้งานวันนี้ ก็มีสัญญาระหว่างสโมสรกับอัตซูอยู่ อนาคตข้างหน้าอาจในฤดูกาลหน้านี้ก็อาจจะได้นำมาใช้งาน หรือถึงจะปล่อยขายให้ทีมอื่นต่อก็น่าจะได้ราคาที่ดีกว่าตอนซื้อมา

987
       ในที่สุดก็น่าจะใกล้ลงเอยแล้วครับ สำหรับนักเตะตัวรุกผิวสี “วิคเตอร์ โมเซส” ของสิงห์บูล เชลซีที่กำลังจะเตรียมเก็บข้าวของไปเล่นฟุตบอลในถิ่นแอนฟิลด์เป็นระยะเวลาหนึ่งฤดูกาล ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศนั้นระบุว่าทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งเมืองลิเวอร์พูลได้ทำการต่อรองเงื่อนไขค่ายืมตัวกับทางต้นสังกัดของโมเซส(เชลซี) ได้สำเร็จที่ 1.5 ล้านปอนด์ โดยที่ก่อนหน้าเชลซีแสดงความต้องการเงินจำนวน 2 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่ายืมตัวของปีกรายนี้

       ซึ่งถ้าการเสริมทัพด้วยโมเซสลงเอยตามนี้จริงๆ นั่นก็หมายถึงแบรนแดน ร็อดเจอร์สจะมีทีมฟุตบอลที่พร้อมในแบบที่ตนเองต้องการสำหรับฤดูกาล 2013-2014 เรียบร้อยแล้ว เพราะก่อนหน้าร็อดเจอร์สได้ออกมาแสดงออกถึงความต้องการในการหาปีกสักรายมาเล่นในทีม เพื่อที่จะให้ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ มิดฟิลด์ตัวรุกของทีมได้ทำหน้าที่เป็นเพลย์เมกเกอร์อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม นักเตะตำแหน่งปีกที่มีอยู่ในทีมหงส์แดงเดิมนั้น อาทิเช่น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ สจ๊วต ดาวนิ่ง ที่ถูกขายออกไป ยังถือว่าไม่ตอบโจทย์ความต้องการของร็อดเจอร์ส จึงนำมาซึ่งการติดต่อยืมตัวโมเซสดังกล่าว ส่วนความหวังของเหล่าเดอะค็อป แน่นอนครับผมว่าเมื่อเห็นการเสริมทัพอย่างนี้ของทีม ในใจลึกๆหลายคนคงหวังถึงแชมป์ลีกที่ทีมลิเวอร์พูลรอคอยมาเนิ่นนาน ซึ่งประเมินตามสภาพความเป็นจริง ถ้ามีโมเซสเพิ่มเข้ามา มีซาโก้เพิ่มเข้ามา

       และซัวเรซพ้นโทษแบนกลับมาช่วยทีมได้ ไม่ได้ย้ายหนีไปไหน มันก็พอเพียงที่หงส์แดงจะเบียดแย่งแชมป์กับทีมอย่างเชลซี แมนฯซิตี้ หรือกระทั่งแมนฯยูไนเต็ด แต่ทว่ามันสำคัญของตรงกึ๋นในการทำทีมของร็อดเจอร์สนั้นจะสู้บรรดากุนซือมากประสบการณ์อย่าง โจเซ่ มูริญโญ่ มานูเอล เปเยกรินี่ได้หรือไม่ คือตรงจุดนี้น่าจะมีน้ำหนักในการลุ้นแชมป์มากกว่าศักยภาพของตัวผู้เล่นที่แต่ละทีเหลื่อมล้ำกันนิดหน่อยด้วยซ้ำครับ

988
       แม้ว่าสลาตัน อิบราฮิโมวิชจะย้ายทีมออกจากบาร์เซโลน่ามานานหลายปีแล้ว และทางด้านเป๊ป กวาร์ดิโอล่า อดีตกุนซือบาร์เซโลน่าก็ได้ย้ายเลิกคุมทีมบาร์เซโลน่าไปเป็นปีแล้ว ทั้งเวลานี้ก็มารับงานคุมทีมบาร์เยิร์น มิวนิคแล้ว ทว่าความสัมพันธ์อันไม่สู้ดีระหว่าง สลาตัน อิบราฮิโมวิช และ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า อดีตกุนซือบาร์เซโลน่าก็ยังไม่ได้จางหายไปไหน โดยล่าสุดเป็นทางด้านสลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ออกมาพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์อันไม่สู้ดีกับเป๊ป เมื่อครั้งที่ตนเองได้ย้ายไปค้าแข้งในถิ่นคัมป์นู

       โดยอิบราฮิโมวิชจวกเป๊ปว่าไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย ทั้งนี้อิบราฮิโมวิชเล่าโยงไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ก่อให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจระหว่างเขากับเป๊ปซึ่งจำใจความได้ว่า เมื่อเขาย้ายจากอินเตอร์ไปอยู่กับบาร์เซโลน่าการเจอกับเป๊ปครั้งแรกๆ เป๊ปพูดกับเขาทำนองว่าการเป็นนักเตะบาร์เซโลน่าต้องทำตัวให้ติดดิน เป็นเสมือนคนธรรมดาๆคนนึง ทว่าอิบราฮิโมวิชชี้ว่าสิ่งนั้นขัดแย้งกับความเป็นตัวตนของเขาเอง เขาไม่ชอบที่จะเป็นตามแบบใครๆ เขาชอบเป็นในสิ่งที่เขาเป็น และนอกจากนี้เป๊ป กวาดิโอล่าจะไม่อยู่ในห้องชงกาแฟ ในขณะที่เขาอยู่ เวลาเดินสวนกันเป๊ปก็จะไม่มองหน้า ไม่สบตาเขา แต่จะเลือกก้มหน้ามองพื้นแล้วผ่านเขาไป กระทั่งถึงจุดแตกหักแบบจริงเมื่อตัวเขาได้ทำการระเบิดอารมณ์ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะด้วยความเห็นที่แตกต่างกันกับเป๊ปขึ้นมากลางห้องแต่งตัว

       จากวันนั้นจนถึงวันนี้อิบราโมวิช และเป็ป กวาร์ดิโอล่าจึงไม่มีการพูดคุยใดๆกันอีกเลย โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว สลาตัน อิบราฮิโมวิชน่าจะสื่อให้เห็นว่าด้วยความเป็นลูกผู้ชายแล้ว เป็ป กวาร์ดิโอล่าน่าจะพูดคุยกับตัวเขาอย่างตรงไปตรงมาถึงสิ่งต่างๆที่ติดค้างอยู่ในใจเพื่อให้สถานการณ์ในคัมป์นูไม่เป็นไปอย่างอดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่เป็ปเลือกวิธีไม่พูดคุยกับเขา จนเป็นเหตุผลให้เขาต้องย้ายออกจากทีมบาร์เซโลน่าไปซบทีมปีศาจแดงดำ เอซี มิลานหลังจากที่เพิ่งย้ายไปอยู่กับทีมได้เพียงแค่หนึ่งฤดูกาลเท่านั้น

989
       ในตอนที่เป๊บ กวาร์ดิโอล่า คุมทีมบาร์เซโลน่า และ โจเซ่ มูริญโญ่คุมทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด เขาทั้งสองถือเป็นสองยอดกุนซือที่มีคิวต้องประลองฝีมือการคุมทีมกันอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าทีมอราซูกราน่า บาร์เซโลน่า และทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ต่างเป็นสองทีมที่ดีที่สุดในลาลีกา สเปน ด้วยกันทั้งคู่ แต่ทว่าพอเป๊บ ลาออกจากการคุมทีมบาร์เซโลน่า และโยกมารับงานคุมทีมเสือใต้ บาร์เยิร์น มิวนิค ในขณะที่ทางด้านโจเซ่ มูริญโญ่ย้ายมารับงานคุมทีมสิงห์บูล เชลซี แห่งเกาะอังกฤษ ก็ยังไม่วายที่ทั้งสองคนจะได้โคจรมาดวงฝีมือกันอีกอยู่ดี

       ทั้งนี้ก็ด้วยทั้งสองทีมใหม่ของสองยอดกุนซือ สิงห์บูล และ เสือใต้ นั้นต่างพากันคว้าแชมป์ยุโรปได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดย สิงห์บูล เชลซีของมูริญโญ่นั้นคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกไปได้ ส่วน เสือใต้ของเป๊ปนั้นคว้าแชมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ครองได้ เลยต้องมาเชือดเฉือนฝีมือกันในรายการยูฟ่าซุปเปอร์คัพ ที่ตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาจับเอาสองทีม สองแชมป์ของยุโรปมาแข่งกัน และแน่นอนเวลานี้การแข่งขันของยอดกุนซือในแมทดังกล่าวก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผลที่ออกมาเป็นทางด้านเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่สามารถนำทัพเสือใต้พิชิตสิงห์บูล เชลซีของโจเซ่ มูริญโญ่ไปได้ แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าความพ่ายแพ้ของมูริญโญ่ได้เต็มปากเต็มคำหรอกนะครับ เพราะความพ่ายแพ้ดังกล่าวนั้นเป็นเพียงการพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ

       แถมทีมสิงห์บูลยังสู้กับทางด้านทีมเสือใต้ได้แบบสมศักดิ์ศรีด้วย แม้ว่าท้ายเกมจะเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนจากจังหวะโดนใบแดงของรามิเลสนาทีที่ 85 คือสู้มาจนจบ 120 นาที (รวมช่วงต่อเวลาพิเศษ) ก็ยังไม่พลาดท่าพ่ายทีมเสือใต้ตั้งแต่ในเกม ผมเองในฐานะแฟนบอลยังนึกเห็นใจ และคิดว่าอยากให้ผลจบลงด้วยชัยชนะของทีมสิงห์บูลเลยครับ ฉะนั้นถ้าให้สรุปการประลองกึ๋นของสองยอดกุนซือในครั้งนี้ ผมยกให้ทั้งสองคนเสมอกันครับ

990
       เวลานี้หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งเกาะ อังกฤษ น่าจะจ่อได้ตัวกองหลังดาวรุ่งรายใหม่เต็มทีแล้วล่ะครับ ซึ่งกองหลังรายนั้นก็คือ ติอาโก้ อิลอรี่ จากทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังแห่งโปรตุเกส โดยถ้าได้มาจริงๆก็ถือว่านี่คือการเสริมทัพที่ยอดเยี่มเลยครับ ทั้งนี้ อิลอรี่นั้นเป็นหนึ่งนักเตะดาวรุ่งในตำแหน่งกองหลังไม่กี่คนในยุโรปที่ฝีเท้ายอดเยี่ยมน่าจับตาอนาคตมากที่สุด โดยเวลานี้อิลอรี่ อายุ 20 ปี ผ่านการเล่นทีมชาติโปรตุเกสมาหลายต่อหลายรุ่น ทั้งรุ่นยู 18 ยู 19 และ ยู 20

       เหลือก็แต่เพียงยู 21 และ ทีมชาติโปรตุเกสชุดใหญ่เท่านั้นละครับ ซึ่งก็คิดว่าหากได้ย้ายมาร่วมเล่นกับลิเวอร์พูลแล้วโชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐานของตัวเองเหมือนเดิม ไม่นานนักก็จะน่ามีชื่อติด แต่ก็ยังน่าสนใจว่าเมื่อ ติอาโก้ อิลอรี่ ได้ย้ายเข้ามาอยู่กับลิเวอร์พูลแล้วโอกาสในการลงสนามจะเป็นอย่างไรจะได้ลงสนามต่อเนื่องหรือเปล่า หรือจะเป็นประเภทเดียวกับ เซบาสเตียนโคอาเตสที่ซื้อเข้ามาแล้วก็มาโดนดองเป็นตัวสำรองยาวจนทุกวันนี้ คือถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเสียดายอนาคตเหมือนกัน เพราะจากที่มาด้วยความหวังว่าจะกลายเป็นกองหลังชั้นยอดของยุโรปในอนาคตอันใกล้ก็อาจกลายเป็นว่าความมั่นใจหดหายจนโชว์ฟอร์มไม่ออกเลยก็เป็นได้ คือถ้าใครเชียร์กองหลังดาวรุ่งรายนี้อยู่ แล้วเขาตกลงย้ายมาอยู่กับทีมหงส์แดงจริงๆ

       ก็คงต้องเอาใจช่วยอย่างเดียวแล้วล่ะ คือเอาใจช่วยให้ทางด้านแบรนแดน ร็อดเจอร์สผู้จัดการทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลให้โอกาสในการลงสนามเยอะๆ อาจจะไม่ต้องถึงขนาดมาแล้วให้ยึดตำแหน่งตัวจริงในทันทีเลยก็ได้ ขอแค่ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวสำรองบ้าง หรือลงเล่นในรายการบอลถ้วยบ้างเพื่อที่อย่างน้อย อิลอรี่นั้นจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเล่นเพื่อเป็นเสมือนการเสริมกระดูกให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม พออนาคตถึงช่วงอายุที่เหมาะสมจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งกองหลังที่ดีที่สุดของยุโรปได้อย่างเต็มตัว

หน้า: 1 ... 64 65 [66] 67 68