มีนาคม 28, 2024, 05:28:14 PM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Reporter

หน้า: 1 ... 66 67 [68]
1006
ข่าวฟุตบอล / "ปืนใหญ่" จอมแห้ว!
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2013, 04:40:20 AM »

       หลังจากที่ตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ปิดลงในต้นเดือนหน้า ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล อาจจะได้ฉายาใหม่ซะแล้ว โดยอาจจะกลายเป็นทีมปืนใหญ่ จอมแห้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่ตลาดซื้อขายนักเตะเปิดมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาแห้วได้นักเตะไปร่วม 3-4 รายแล้ว โดยรายแรกก็เป็นทางด้านกอนซาโล่ อิกวาอิน อดีตหัวหอกของราชันชุดขาว รีล มาดริด รายนี้มีข่าวออกมาชัดเจนว่าเป็นเป้าหมายของทีมอาร์เซน่อล แต่ไปๆมาๆโผล่ข่าวมาอีกทีก็มีรูปชูเสื้อหราย้ายไปอยู่กับทีมนาโปลี ของราฟาเอล เบนิเตซ เป็นที่เรียบร้อย

       ต่อมาในรายของสเตฟาน โยเวติซ อดีตกองหน้าม่วงมหากาฬ ที่ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลก็ล็อคเป้าไว้ ก็โดนทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้แซงตัดหน้าคว้าตัวไปเช่นกัน ไม่เท่านั้นนะครับล่าสุดหลุยส์ กุสตาโว่ มิดฟิลด์คู่ขวัญของทีมบาร์เยิร์น มิวนิค ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายการเสริมทัพของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลเช่นกัน เวลานี้ก็ตัดสินใจย้ายซบโวล์ฟบวกทีมร่วมลีกของบาร์เยิร์นไปแล้วเช่นกัน ทั้งๆที่ตามข่าวนั้นสื่อตีข่าวว่าอาร์เซน่อลยื่นข้อเสนอให้กับบาร์เยิร์น มิวนิค มากกว่าที่โวล์ฟบวกยื่นให้ด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าก่อนดวงทีมปืนใหญ่ตอนนี้เป็นอะไร จ้องจะคว้านักเตะรายไหนก็แห้วไปหมด ไม่ว่าจะยื่นข้อเสนอมากกว่า น้อยกว่า ก็ตาม นี่ยังไม่นับรวมในรายของซัวเรซที่ดูแล้วก็เหมือนจะแห้วอีกเช่นกันนะครับ หากนับรวมรายนี้ไปด้วยก็จะเป็น 4 รายที่อาร์เซน่อลแห้วให้เราดูกันเห็นๆเลย และบางทีเป้าหมายอื่นๆที่ไม่ได้เปิดเผยของทีมอาร์เซน่อลก็อาจมีมากกว่านี้ด้วยที่พวกเขาไม่สามารถคว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ

       แต่จะว่าไปเรื่องการแห้วได้ตัวนักเตะก็เกิดขึ้นได้กับหลายๆทีมไม่เฉพาะอาร์เซน่อลหรอกครับ อย่างลิเวอร์พูลก็แห้วได้ตัวทางด้าน มาคิตาร์ยานที่เลือกย้ายไปดอร์ทมุนด์เช่นกัน หรือจะเป็นทางด้านแมนฯยูไนเต็ดเวลานี้ก็เหมือนจะแห้วได้ตัวเชส ฟาเบรกาสเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาร์เซน่อลฤดูกาลนี้แห้วหลายรายกว่าทีมอื่นๆ และมันก็คงจะกระทบต่อการฟอร์มทีมเพื่อรอต้อนรับศึกฤดูกาลใหม่มากซะด้วย

1007
       ประเด็นการย้ายทีมของสจ๊วต ดาวนิ่ง ปีกทีมชาติอังกฤษจากลิเวอร์พูล ไปเวสต์แฮม ยูไนเต็ดนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจอยู่แล้ว และหลายคนก็ให้ความสนใจอย่างที่มันควรจะเป็น แต่บ้างก็ไปโฟกัสที่สโมสรลิเวอร์พูลว่าสมเหตุ สมผลแล้วหรือที่เลือกปล่ยอดาวนิ่งไป ขุมกำลังแนวรุกที่มีตอนนี้ของลิเวอร์พูลดีพอแล้วหรือ? บ้างก็โฟกัสไปที่ราคาค่าตัวของดาวนิ่งที่อยู่ราวๆ 5-6 ล้านปอนด์ ทั้งๆที่ตอนซื้อ ลิเวอร์พูลซื้อมาในราคาร่วม 20 ล้านปอนด์ ซึ่งแบบนี้ก็เข้าตำราเดิมๆของลิเวอร์พูลคือซื้อแพงขายถูก ขายทุนมันอยู่ร่ำไป

       แล้วการซื้อขายของลิเวอร์พูลในยุคร็อดเจอร์สมันดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือ? แต่ทว่าท่ามกลางหลายสิ่งอย่างที่ผู้คนพากันโฟกัสในประเด็นการย้ายทีมของดาวนิ่ง มีสิ่งนึงที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปนั่นคือ การก้าวเข้าสู่เส้นทางของเวิร์ดคัพส่วนตัวของดาวนิ่งเอง แน่นอนในชีวิตนักฟุตบอลอาชีพที่เคยได้ติดธงทีมชาติในฐานะตัวสำคัญของทีมอย่างดาวนิ่ง ย่อมฝันอยากที่จะร่วมทัพเพื่อไปลุยศึกฟุตบอลที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในปีหน้า และด้วยอายุอานามของเขาบวกกับระยะเวลาที่เหลือก่อนเวิร์ดคัพคิกออฟ มันไม่มีทางเลือกมากมายที่ให้ดาวนิ่งได้เลือก และทางเลือกเดียวที่ต้องเริ่มทำตอนนี้ก็คือการย้ายออกจากลิเวอร์พูลอย่างที่เขาได้ทำไปแล้ว ดาวนิ่งจะได้โอกาสลงสนามมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อย้ายจากลิเวอร์พูลมาเวสต์แฮม

       และการที่เขาได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้น มันก็หมายถึงโอกาสในการติดธงทีมชาติอังกฤษไปลุยศึกฟุตบอลโลกที่มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน ผมว่านี่เป็นเหตุผลหลักหนึ่งเหตุผลที่ดาวนิ่งเลือกตัดสินใจย้ายมาอยู่กับเวสต์แฮมอย่างรวดเร็ว บางทีหากการย้ายมาครั้งนี้ ดาวนิ่งอาจจะต้องกลับไปขอบคุณร็อดเจอร์ส ขอบคุณสโมสรลิเวอร์พูลแทนที่จะจวกร็อดเจอร์สอย่างที่ให้สัมภาษณ์ตามสื่อด้วยซ้ำ หากว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้จนนำตัวเองติดธงไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2014 ได้

1008
       ทันทีที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลทำการปล่อยตัวดาวนิ่ง สเปียริ่ง และนักเตะหลายๆคนออกจากทีมไปในราคาถูก ชนิดที่ต้องเรียกว่าขายแบบโละ แล้วพุ่งเป้าการเสริมทัพไปที่มิดฟิลด์ของอันจิ อย่าง วิลเลี่ยน พวกเขาก็ต้องเจอกับงานยากซะแล้ว เมื่อมีข่าวออกมาว่าทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ดโดดเข้ามาร่วมวงแย่งซื้อตัววิลเลี่ยนด้วย ซึ่งก็ไม่แน่ว่าด้วยความที่แมนฯยูไนเต็ดเป็นทีมแชมป์เก่า (รายการพรีเมียร์ลีก) ทั้งยังได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในรายการยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วยนั้น อาจทำให้วิลเลี่ยน มิดฟิลด์ชาวบราซิลที่เดิมทีก็ให้ความสนใจอยากที่จะมาค้าแข้งในแอนฟิลด์นั้นเปลี่ยนใจ

       และหันเหอนาคตการค้าแข้งไปที่โอลแทรฟฟอร์ดแทนก็เป็นได้ ทั้งนี้การที่แมนฯยูไนเต็ดมีเป้าหมายการเสริมทัพเป็นผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ อย่างที่เราได้เห็นเป็นข่าว เช่น เชส ฟาเบรกาส มารูยาน เฟลไลนี่ รวมไปถึงลูก้า โมดริช นั้นมันจึงมีความเป็นไปได้มากกว่าข่าวการโดดมาร่วมวงล่าตัววิลเลี่ยนไปเสริมทัพของแมนฯยูไนเต็ดนั้นเป็นความจริง เพราะ แมนฯยูไนเต็ดอาจจะเล็งเห็นสิ่งเดียวกับที่ลิเวอร์พูลเล็งเห็นนั่นคือความคุ้มค่า คุ้มราคามากกว่า และดีกว่าที่พวกเขาจะไปมัวตามจีบคว้าตัวมิดฟิลด์สตาร์ดังสองสามรายที่พวกเขาต้องการดังตัวอย่าง แล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้หมด คือ แมนฯยูไนเต็ดเบนเป้ามาที่วิลเลี่ยน และวิลเลี่ยนเองก็เบนเป้าของตนเองจากลิเวอร์พูลมาเป็นแมนฯยูไนเต็ดด้วย

       ถามว่าลิเวอร์พูลจะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้? สถานการณ์ที่พวกเขาเร่งปล่อยนักเตะในทีมออกไปในราคาถูกๆ แล้วหานักเตะใหม่เข้ามาแทนไม่ได้ ฤานี้จะทำให้พวกเขาต้องเล่นฤดูกาลใหม่ด้วยการมีขุมกำลังที่ไม่เพียงพอ (อีกแล้ว) ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วผลงานของพวกเขายังออกมาดี เป็นไปตามที่วางเป้าไว้ก็คงดีไป แต่ถ้าผลงานออกมาย่ำแย่เหมือนเดิม จะนำสิ่งนี้มาใช้เป็นข้ออ้างแก้ตัวให้เดอะค็อปฟัง เดอะค็อปก็คงจะไม่รับฟังแล้วล่ะครับ

1009
ข่าวฟุตบอล / "เนย์มาร์" กับปัญหาด้านสุขภาพ
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2013, 10:55:20 PM »

       ย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าได้ไม่นาน เนย์มาร์ หัวหอกพรสวรรค์ทีมชาติบราซิลก็มีปัญหาด้านสุขภาพตามมาซะแล้ว โดยปัญหาสุขภาพของเนย์มาร์จริงๆก็ต้องบอกว่าส่วนนึงก็มีปัญหาอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่เล่นให้กับซานโตส คือเรื่องของน้ำหนักตัวที่น้อยเกินไป รูปร่างของเนย์มาร์จึงดูบางเกินไป แต่ด้วยเขาเล่นอยู่ในบราซิล ซึ่งลีกในประเทศบราซิลและลีกในแถบละตินนั้นเป็นลีกที่ไม่ได้มีความหนักหน่วงมากหนัก นักเตะที่ค้าแข้งภายในลีก โดยเฉพาะนักเตะท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็รูปร่างบางๆทั้งนั้น การเล่นของเนย์มาร์จึงไม่ได้มีปัญหาอะไร

       แต่ทว่าเมื่อเขาได้ย้ายมาร่วมทัพอราซูกราน่า และต้องเข้ามาเล่นในลีกยุโรปที่มีเกมการแข่งขันมีความหนักหน่วงกว่า นักเตะส่วนใหญ่ที่ค้าแข้งก็มีแต่นักเตะที่รูปร่างใหญ่ ร่างกายแข็งแกร่ง การมีน้ำหนักตัวที่น้อยของเนย์มาร์จึงส่งผลให้มีปัญหาต่อการเล่นแน่นอน ก็อย่างที่เราเห็นๆกันนักเตะจากละตินส่วนใหญ่ที่ย้ายมาค้าแข้งในยุโรป ช่วงแรกๆเราก็อาจจะเห็นรูปร่างผอมบาง แต่พอเล่นในยุโรปนานๆไปก็ต้องปรับตัว พัฒนาร่างกาย หลายคนรูปร่างหนาขึ้น แข็งแกร่งขึ้นแบบชนิดผิดหูผิดตาเลยทีเดียว สำหรับในส่วนของเนย์มาร์เอง ทีมแพทย์บาร์เซโลน่าก็ได้มีการเตรียมโปรแกรมเพิ่มน้ำหนักให้กับเจ้าตัวแล้ว อย่างไรก็ตามนอกจากปัญหาเรื่องของน้ำตัวแล้ว ปัญหาสุขภาพอื่นๆที่เนย์มาร์ต้องมาเผชิญอีกหลังจากย้ายมาอยู่กับบาร์เซโลน่า ก็มีปัญหาโลหิตจาง

       ซึ่งปัญหานี้ก็ส่งผลให้สภาพความฟิตของเนย์มาร์ไม่ดี อ่อนเพลียง่าย โชว์ฟอร์มได้ไม่เต็มที่ โดยว่ากันว่าปัญหาโลหิตจางของเนย์มาร์นี้เกิดจากการที่เนย์มาร์เข้ารับการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกตามคำแนะนำของทีมแพทย์บาร์เซโลน่า ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงนะครับ แต่ถ้าจริงก็ต้องโทษว่าเป็นความผิดของบาร์เซโลน่าที่ทำให้เนย์มาร์ยอดกองหน้าของบราซิลมีปัญหาสุขภาพมากขึ้นไปอีก แต่ทั้งนั้นทั้งนี้จะจริงหรือไม่จริง ผมก็เชื่อว่าปัญหาสุขภาพของเนย์มาร์จะได้รับการแก้ไขในเร็ววัน จนเขากลายมาเป็นหนึ่งนักเตะที่สมบูรณ์ทั้งความแข็งแรงของร่ายกาย และฝีเท้าแน่นอนครับ

1010
ข่าวฟุตบอล / หรือว่าเบอร์ 7 จะเป็นของ "เบล"?
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2013, 03:39:14 AM »
       ไม่รู้ว่าตลาดซื้อขายรอบนี้เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เพราะจะมองไปทางไหน ข่าวการย้ายทีมของนักเตะคนใด ก็ดูยืดเยื้อ และพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา อย่างหลุยส์ ซัวเรซ ที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ย้ายทีม ล่าสุดข่าวกลับพลิกเป็นว่าไม่ย้ายแล้ว และพร้อมเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับหงส์แดงอีกด้วย ยังมีอีกหนึ่งรายที่น่ากล่าวถึงมากคือ แกเร็ธ เบล ปีกความเร็วสูงของท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ รายนี้เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแว่วๆข่าวกันว่าตกลงค่าตัวกับทางด้านทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด เป็นที่เรียบร้อย และกำลังเตรียมจ่อย้ายทีมด้วยค่าตัวสถิติใหม่ของโลกลูกหนัง

       ทว่าไปๆมาๆประธานของมาดริดออกมาประกาศเฉยเลยว่าค่าตัวของเบลแพงเกินไป และก็เหมือนว่าจะล้มโต๊ะเจรจาไม่มีการซื้อขายดีลนี้เกิดขึ้นแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น จู่ๆยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเป็นทีมโฉมหน้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหนล่าสุด (ปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด) เข้ามามีเอี่ยวร่วมวงล่าลายเซ็นเบลด้วย โดยว่ากันว่าจะแซงตัดหน้าคว้าเบลไปร่วมทีมในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ดังนั้นก็เลยมีหลายคนนำเอาข่าวการเว้นว่างเสื้อเบอร์ 7 ของแมนฯยูไนเต็ดมาเชื่อมโยงเข้า คือจะบอกว่าเบลนี่แหละคือผู้ที่จะเข้ามาสวมเสื้อเบอร์ 7 ของแมนฯยูไนเต็ดที่กำลังว่าอยู่ขณะนี้ แต่สิ่งที่ต้องถามกันก็คือ แมนฯยูไนเต็ดยินดีจ่ายค่าตัวระดับ 100 ล้านปอนด์หรือ คือส่วนตัวผมมองไม่เห็นเลยว่าจะมีทางไหนที่ทำให้แมนฯยูไนเต็ดยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้น แม้แมนฯยูไนเต็ดจะเป็นทีมที่เงินหนา แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่ทีมจะใช้เงินฟุ่มเพือยขนาดนั้น

       โอเคในด้านกำลังจ่ายของสโมสรแมนฯยูสามารถจ่ายได้อยู่แล้วกับเงินจำนวน 100 ล้านปอนด์ ทว่ามันจะไม่ดีกว่าหรือถ้าหากแมนฯยูจะนำเงินก้อนนั้นไปใช้จ่ายอย่างอื่น หรือทุ่มซื้อนักเตะในระดับดีๆประมาณเกรด a ได้สัก 2-3 ราย แทนที่จะไปเอาเบลมาคนเดียว อย่างไรก็ตามงานนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราบางทีแมนฯยูไนเต็ดอาจเล็งเห็นเคสของโรบิน ฟาน เพอร์ซีที่นำเข้ามาแล้วทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ได้ทันที กล่าวคือพวกเขาอาจคิดว่านักเตะคนเดียวอาจเข้ามาแล้วมีประสิทธิภาพ หรือเปลี่ยนแปลงสโมสรได้มากกว่านักเตะ 2-3 รายอย่างที่ ฟาน เพอร์ซี แสดงให้เห็นก็ได้

1011
ข่าวฟุตบอล / "ซัวเรซ" ต่อสัญญากับ "หงส์แดง"?
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2013, 03:37:59 AM »
       เล่นเอาแฟนบอลงงกันไปเป็นแถบเลยครับ เมื่อมีแหล่งข่าวจากแดนละตินอเมริกาออกมาเสนอข่าวของหัวหอกเจ้าปัญหาทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษว่าเปลี่ยนใจจะไม่ย้ายทีมไปไหน โดยพร้อมที่จะค้าแข้งถิ่นแอนฟิลด์ต่อไป ทั้งยังพร้อมจรดปากกาเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปอีกด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่นานมีแสดงท่าทีว่าต้องการย้ายออกจากทีมมาโดยตลอด แถมออกมาให้สัมภาษณ์จวกสโมสร จวกผู้จัดการทีมแบรนแดน ร็อดเจอร์สแบบตรงไปตรงมาด้วย ว่าผิดสัญญาที่ได้ให้ไว้กับตน กรณีที่บอกว่าจะให้ตนเองย้ายทีมเมื่อทีมไม่ได้โควตาไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยบิ๊กเอียร์ของยุโรป

       อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวจากแดนละตินรายนี้อ้างว่าได้มีการพูดคุยสอบถามจากตัวของหลุยส์ ซัวเรซแบบเป็นการส่วนตัวเลยด้วย ส่วนเหตุผลที่ทำให้หัวหอกเจ้าปัญหารายนี้เปลี่ยนใจนั้นตามข่าวระบุว่าเป็นเพราะกำลังใจจากเดอะค็อปที่สนับสนุนเขายืนเคียงข้างเขามาโดยตลอด ก็ไม่รู้ว่าเป็นตามนั้นจริงหรือเปล่านะครับ แต่เท่าที่เห็นบางส่วนก็เริ่มไม่สนับสนุนและอยากให้หัวหอกอรุกวัยรายนี้ย้ายออกจากทีมเต็มทีแล้ว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ในส่วนของเหตุผลอื่นๆที่เราพอจะคาดเดากันไปได้เรื่อยๆก็อย่างเช่น สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำอย่างนี้ คือซัวเรซอยากย้ายออกจากทีมลิเวอร์พูล แต่ลิเวอร์พูลยืนยันไม่ขาย และสัญญาก็ยังเหลืออีกตั้ง 3 ปี ค่าฉีกสัญญาก็ไม่มี ก็เลยต้องทำใจยอมรับ และพูดออกมาแบบนั้น

       อย่างน้อยก็เพื่อให้เขาได้กลับมามีที่ยืนในทีมลิเวอร์พูล เป็นส่วนนึงของลิเวอร์พูลต่อไป ไม่เช่นนั้นก็อาจถูกดองยาวๆ ย้ายทีมก็ไม่ได้ย้าย ลงสนามก็ไม่ได้ลง แล้วอนาคตจะมีทีมไหนมาสนใจซื้อตัวล่ะ ถูกไหมครับ หรือไม่บางทีการทำแบบนี้แล้วก่อให้เกิดการเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่ของซัวเรซ นายหน้าของซัวเรซอาจจะมีการเจรจารกับลิเวอร์พูลเพื่อขอใส่เงื่อนไขการฉีกสัญญา หรือเงื่อนไขการย้ายทีมเข้าไป อนาคตอาจจะใน 1 ฤดูกาล หรอ 1-2 ปีข้างหน้าการย้ายทีมของซัวเรซจะได้สะดวกขึ้น

1012
ข่าวฟุตบอล / "เดวิด มอยส์" กับถาดแชมป์แรก
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2013, 03:36:55 AM »
       คว้าถาดแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ไปครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็น่าจะนับว่าเป็นถาดแชมป์แรกในแบบที่เป็นทางการของกุนซือคนใหม่ เดวิด มอยส์ ซึ่งแน่นอนครับการคว้าถาดแชมป์ใบนี้ไปครองคงจะทำให้ความกังวล ความอัดอั้นตันใจในเรื่องของผลงานของทีมปีศาจแดงในฤดูกาลใหม่ ทั้งจากตัวเดวิด มอยส์เอง และบรรดากองเชียร์สาวกปีศาจแดงเองนั้นลดน้อยลงไปเยอะเลย เพราะนี้ไม่ใช่เพียงชัยชนะแค่ 2-0 เหนือคู่แข่งที่ด้อยกว่าและนำมาสู่การผงาดขึ้นคว้าแชมป์รายการนี้เท่านั้น แต่รูปเกม รูปแบบการเล่นนั้นยังพิสูจน์ได้ว่า ผีแดงยังคงมีมาตรฐานการเล่นที่ดีดังเช่นเมื่อตอนที่เซอร์ อเล็กซ์ คุมทีม

       เพราะอะไรผมถึงกล้าบอกอย่างนี้ก็เพราะรูปแบบการเล่นโดยเฉพาะในเกมบุกของแมนฯยูไนเต็ดยังคงมีประสิทธิภาพ และจุดเด่นที่เราคุ้นเคยกันดีเหมือนอย่างในฤดูกาลก่อนที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ คือพอสามารถนำบอลเข้าไปสู่พื้นที่สุดท้ายของทีมฝ่ายตรงข้ามแล้ว แมนฯยูไนเต็ดสามารถทำเกมได้รวดเร็วและดูน่ากลัวสำหรับคู่แข่งมาก ซึ่งมีน้อยทีมในอังกฤษที่จะทำเกมบุกในพื้นที่สุดท้ายได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพแบบแมนฯยูไนเต็ด แม้ในบางจังหวะของแมทนี้จะดูขาดๆเกินๆอยู่ด้วยนักเตะบางรายอาจจะยังไม่ฟิตพอ แต่เท่าที่ดูฟอร์มการเล่นก็คงพอทำให้สาวกปีศาจแดงอุ่นใจในฟอร์มการเล่นฤดูกาลใหม่อยู่พอควร ทั้งนี้การมีโรบิน ฟาน เพอร์ซีอยู่ในสนาม ก็เหมือนการเสริมแข็งแกร่งให้กับแมนฯยูไนเต็ดแบบชนิดที่ต้องบอกว่าคูณสองเลย

       ดังที่เห็นสองประตูที่ได้มานั้นมาจากการทำประตูของ ฟาน เพอร์ซี ดังนั้นหาก เพอร์ซี ไม่เจ็บ ไม่ถูกแบน สามารถลงสนามได้ตลอดซีซั่นผมคิดว่าแมนฯยูไนเต็ดน่าจะอยู่ในข่ายลุ้นแชมป์ได้ยาวๆ แต่ถ้าเกิดเจ็บขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าที่ยืนในอันดับตารางคะแนนของทีมแมนฯยูไนเต็ดจะไปอยู่ที่ตรงไหน อย่างไรก็ตามทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่ความสม่ำเสมอในการทำทีมของมอยส์ด้วย เพราะเวลานี้ถ้าเรานับรวมผลงานในปรีซีซั่นนัดก่อนๆหน้านี้ด้วยนั้น มอยส์ยังไม่สามารถโชว์ความสม่ำเสมอในการทำทีมได้เลย ดังนั้นหากยังคงเป็นเช่นนี้ อีกทางหนึ่งเราก็อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นไปได้ที่ความสามารถของ ฟาน เพอร์ซีอาจจะไม่ได้ช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดป้องกันแชมป์ได้ครับ

1013
       หลังจากทีมไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เสร็จสิ้นโปรแกรมการทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชียเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ถึงเวลากลับไปเล่นปรีซีซั่นที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพที่ประเทศอังกฤษต่อ แล้วหลังจากนั้นจึงรอรับฤดูกาลใหม่ที่จะมาถึงกันแบบเต็มๆ แต่ที่น่าสนใจก็คือรายการอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่อาร์เซน่อลเป็นเจ้าภาพนี้มีการคิดคะแนนแบบแหวกแนวครับ คือโดยปกติตามที่เราทราบกันดีเวลาทีมฟุตบอลต่างๆแข่งขันกันแบบเก็บคะแนน ทีมที่ชนะจะได้ 3 คะแนน ทีมที่แพ้จะไม่ได้คะแนน และหากว่าผลเสมอก็จะแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน โดยที่จำนวนประตูทียิงได้จะไม่มีผลอะไรกับคะแนนดังกล่าว

       แต่สำหรับรายการอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่อาร์เซน่อลเป็นเจ้าภาพ โดยใช้ชื่อสนามเอมิเรตมาเป็นชื่อรายการนี้ จะนับคะแนนโดยมีการบวกจำนวนประตูที่แต่ละทีมยิงได้ด้วย 1 ประตู =  1 คะแนน ดังนั้นหมายความว่าทีมไหนยิงได้เยอะก็จะได้คะแนนเยอะ โอกาสคว้าแชมป์รายการนี้ก็เยอะ ตัวอย่างเช่น อาร์เซน่อลชนะทีมคู่แข่ง 3-0 อาร์เซน่อลก็ได้ 3 คะแนนบวกกับ 3 ประตูที่คิดเป็นประตูละ 1 คะแนน เท่ากับรวมแล้วได้ 6 คะแนนในแมทนั้น หรือว่าสองทีมเสมอกันในสกอร์ 2-2 ทั้งสองทีมก็จะแบ่งแต้มกันไปทีมละ 3 คะแนน แบ่งเป็นแต้มจากผลเสมอทีมละ 1 แต้ม กับแต้มจากประตูที่ยิงได้ทีมละ 2 แต้ม ซึ่งก็ตามนี้เลยครับถ้าหากว่าข้อมูลที่ผมทราบมาไม่ผิดเพี้ยนไปจากนี้นะครับ แต่ถ้าหากว่าการนับคะแนนจริงๆผิดเพี้ยนไปจากนี้ ผมก็ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับ เพราะที่ทราบมาเป็นตามนี้

       ส่วนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้แน่นอนว่าหนึ่งทีมที่มีแน่ๆคือเจ้าภาพ อาร์เซน่อล ที่เหลือก็มี กาลาตาซาลาย ปอร์โต นาโปลี โดยเกมแรก กาลาตาซาลายจะพบกับ ปอร์โต้ ขณะที่ นาโปลีของ ราฟาเอล เบนิเตซจะพบกับเจ้าภาพอาร์เซน่อล ซึ่งก็ถือเป็นการหวนคืนอังกฤษอีกครั้งของราฟา แต่ไม่ได้มาในฐานะของการผู้จัดการทีมในอังกฤษ ทว่าเป็นการนำทีมจากลีกอื่นมาเผชิญหน้ากับทีมในลีกผู้ดีอังกฤษ แต่จะทำได้ดีแค่ไหนก็ต้องไปวัดกันในสนามครับ

1014
ข่าวฟุตบอล / "แชร์วินโญ่" ย้ายซบ "โรม่า"
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2013, 04:14:37 AM »
       ย้ายซบทีมหมาป่า โรม่า ทีมดังแห่งประเทศอิตาลีเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับหัวหอกผิวสีที่อยู่ค้าแข้งกับปืนใหญ่ อาร์เซน่อลมาเป็นระยะเวลาสองปี โดยหัวหอกรายนี้ไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองและสร้างซื้อกับทีมไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลได้ ทำให้ต้องตกเป็นตัวสำรองของทีม จนลงเอยด้วยการย้ายทีมดังกล่าว แต่กระนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่แชร์วินโญ่จะได้โอกาสจากโรม่าจนสามารถแจ้งเกิดในลีกอิตาลีได้ เช่นเดียวกับนักเตะผิวสีหลายๆรายที่สามารถเล่นในอิตาลี และโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างเจิดจรัส

       อย่างไรก็ตามก็ต้องดูระบบการเล่นของทีมโรม่าด้วยว่าจะเข้ากันกับสไตล์การเล่นของแชร์วินโญ่หรือเปล่า ซึ่งในส่วนระบบการเล่นของทีมโรม่าก็บอกตามตรงว่าผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นแบบไหน อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือโรม่าถือเป็นหนึ่งทีมคุณภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดทีมนึงในอิตาลี คือถ้าเรานึกถึง 4-5 ทีมดังๆในอิตาลี ก็จะประกอบไปได้วย อินเตอร์ มิลาน เอซี มิลาน ยูเวนตุส โรม่า นาโปลี ประมาณนี้ครับ ส่วนราคาค่าตัวสำหรับการย้ายทีมครั้งนี้ของแชร์วินโญ่ตามที่อาร์เซน่อลเปิดเผยออกมาอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านยูโร ที่น่าสนใจคือว่าเมื่ออาร์เซน่อลทำการปล่อยตัวนักเตะออกจากทีมแบบนี้ พวกเขาจะทำอย่างไรกับขุมกำลังที่จะมีไว้สู้ศึกฤดูกาลหน้า เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้อาร์เซน่อลยังไม่ได้เสริมทัพอะไรแบบเป็นจริงเป็นจังเลย ที่จำได้ก็มีเพียงดาวรุ่งรายนึงที่เซ็นต์สัญญาเข้ามาในทีมแบบฟรีๆเท่านั้น

       ในรายของหลุยส์ ซัวเรซลิเวอร์พูลก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีทางขายให้อาร์เซน่อล หรือในรายของอิกวาอินพวกเขาก็พลาดไปเรียบร้อยแล้ว เพราะโดนนาโปลีซื้อตัดหน้าไป ฉะนั้นถ้าขืนยังเป็นยังนี้ต่อไป ถามว่าขุมกำลังของอาร์เซน่อลจะพาทีมให้อยู่ในสถานะใด ลุ้นแชมป์ได้ไหม หรือแย่งพื้นที่ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกได้ไหม ผมว่ายาก สิ่งที่อาร์เซน่อลควรจะทำเวลานี้จึงไม่ใช่การมานั่งคิดว่าจะปล่อยนักเตะรายใดออกจากทีมไปก่อน แต่ต้องเสริมทัพให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ก่อน แล้วจึงค่อยมาเลือกว่าจะปล่อยนักเตะรายใดที่เป็นส่วนเกินของทีมออกไปทีหลัง

1015
       กล่าวถึงนักเตะที่มีปัญหาในทีมหงส์แดง เกี่ยวกับเรื่องของการย้ายทีม เวลานี้แน่นอนครับว่าคือ หลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าดีมากๆ และหลายคนก็มองว่าเขาดีเกินไปที่จะอยู่ในลิเวอร์พูล ก็อย่างที่ตัวเขาเองรู้สึกนั้นแหละ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ถ้าเรามองข้ามเรื่องของหลุยส์ ซัวเรซไป และไปดูกันที่อนาคตเราอาจบอกได้ว่าอีกหนึ่งนักเตะที่หงส์แดงอาจต้องทำใจไว้ก่อนเลยว่าวันนึงเขาต้องย้ายออกจากทีมไปก็คือในรายของ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ก็อย่างที่เราได้เห็นจากฟอร์มการเล่นที่กลั่นกรองออกมาจากความสามารถ ทักษะเฉพาะตัวของเขา คือบางทีมันก็ดูโดดเด่นเกินกว่าเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ

       และด้วยความโดดเด่นนี้แหละ ไม่นานก็จะเป็นที่ต้องตาต้องใจของทีมใหญ่ๆ แล้วมันก็จะนำมาซึ่งการยื่นขอซื้อตัวเขาไปร่วมทีม แล้วด้วยอายุอานามของคูติญโญ่ที่ยังน้อย ทั้งเขาเองก็ไม่ได้เริ่มต้นการค้าแข้งมากับลิเวอร์พูลตั้งแต่ต้น มันย่อมเป็นธรรมดาที่เขาอยากจะย้ายไปประสบความสำเร็จในอาชีพค้าแข้งที่มากกว่านี้ หรือแม้กระทั่งนักเตะที่เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งมากับลิเวอร์พูลเองอย่าง ไมเคิ่ลโอเว่น เราก็ได้เห็นแล้วว่าเขาก็ยังต้องการย้ายไปประสบความสำเร็จที่มากกว่าอยู่ลิเวอร์พูเลย เพราะลิเวอร์พูลก็ยังไม่ถือเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ถือเป็นทีมที่กำลังอยู่ในเส้นทางการประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเฉกเช่นทีม บาร์เซโลน่า รีล มาดริด หรือ บาร์เยิร์น มิวนิค เว้นก็เสียแต่ว่าลิเวอร์พูลจะหวนคืนความสำเร็จโดยเฉพาะการคว้าแชมป์ลีกได้ในเร็ววัน

       ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวคงจะเป็นสิ่งดึงดูดให้นักเตะระดับฝีเท้าดีๆอย่างคูติญโญ่นั้นอยู่กับทีมต่อไปได้ รวมทั้งการดึงดูดให้นักเตะฝีเท้าดีๆรายอื่นๆอยากย้ายเข้ามาอยู่ในทีมมากขึ้นด้วย แล้วนักเตะเหล่านั้นก็จะเป็นส่วนช่วยพยุงทีมลิเวอร์พูลให้อยู่ในเส้นทางแห่งความสำเร็จต่อไปเรื่อยๆ เหมือนที่บาร์เซโลน่า รีล มาดริด เป็นมาให้หลายยุคสมัยที่ผ่านมา

1016
       ยังไม่ทันที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้น กุนซือเดอะสเปเชี่ยล โจเซ่ มูริญโญ่ ก็ถึงคราวพาทีมใหม่ (เชลซี) ที่ตนเองเพิ่งจะย้ายมาคุมทีมได้ไม่เท่าไหร่ มาพบกับทีมเก่า “ราชันชุดขาว รีล มาดริด” ซึ่งได้คาร์โรล อันเชลอตติ มาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมแทนที่เดอะสเปเชียลวัน โดยเป็นการพบกันในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซนั่นที่อเมริกา ทัวร์นาเม้นรายการอินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์คัพ ซึ่งทั้งสองทีมฟันฝ่าเข้ามาถึงรอบชิงนะเลิศ การหวนกลับมาเผชิญหน้ากับทีมเก่าของมูริญโญ่ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพิสูจน์ผลงานของตนเองแล้ว จึงยังมีเรื่องของความสำเร็จในการคว้าถ้วยแชมป์รายการนี้เป็นสิ่งพิสูจน์คุณภาพของทั้งสองทีมอีกด้วย

       ซึ่งแน่นอนล่ะครับว่า สิ่งที่มูริญโญ่ให้เกิดภายหลังจบเกมก็คือการได้เห็นชัยชนะของทีมเชลซี พร้อมกับการผงาดขึ้นรับถ้วยและทิ้งให้ทางฝ่ายรีล มาดริด ทีมเก่าของตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้พลาดถ้วยแชมป์ไปจะด้วยสกอร์เท่าไหร่ก็ตาม แต่ทว่าความจริงที่ปรากฏก็คือ เกมนี้มันจบลงด้วยชัยชนะของรีล มาดริด ด้วยสกอร์ที่บอกว่ามากเกินพอที่จะเรียกได้ว่าขาดลอย (3-1) มาดริดได้ประตูจากมาเชโล่ 1 ประตู และคริสเตียโน่ โรนัลโด้เหมาคนเดียวอีก 2 ประตู ส่วนทางเชลซีนั้นหนึ่งประตูที่ได้มานั้นมาจากการยิงรามิเรส

       กระนั้นจะสรุปว่าผลงานจากแมทนี้แสดงให้เห็นว่าฝีมือของมูริญโญ่นั้นไม่ดีเท่ากับอันเชลอตติ กุนซือคนใหม่ของรีล มาดริด และรีล มาดริดคิดถูกแล้วที่เลือกแยกทางกับมูริญโญ่ แล้วนำเอาอันเชลอตติเข้ามาทดแทน ผมคิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น เพราะนี่เป็นเพียงแค่แมทเดียว และแมทแรกที่โจเซ่ได้หวนคืนการเผชิญหน้ากับทีมเก่า ทั้งมันก็เป็นเพียงแมทการแข่งขันอุ่นเครื่องซึ่งไม่ใช่รายการสำคัญสำหรับทีมในยุโรปเท่าใดนัก ตรงกันข้ามหากว่าแมทนี้เป็นการพบกันในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นี่จะต้องถือว่าเป็นการพิสูจน์ที่ชัดเจนมากๆว่ามูริญโญ่ยังไม่ดีพอสำหรับรีล มาดริด

1017
ข่าวฟุตบอล / 3 คน 3 สไตล์แต่สถานะเดียวกัน
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2013, 07:24:06 PM »
       เรียกว่าเป็น 3 นักเตะในอังกฤษที่ตอนนี้ถูกจับตามองมากที่สุดเลยครับสำหรับ เวนย์ รูนี่ย์ หักหอกทีมแมนฯยูไนเต็ด แกเร็ธ เบล ปีกจรวดของท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ หักหอกของทีมลิเวอร์พูล ซึ่งนักเตะสามรายนี้ถ้าว่ากันที่สไตล์การเล่นรวมไปถึงบุคคลิกส่วนตัวก็ต้องบอกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างซัวเรซก็เป็นกองหน้าในสไตล์ที่ยิงประตูได้ดี แต่ชอบเล่นเลี้ยงบอลชอบเก็บบอลไว้กับตัว และมีสไตล์การเลี้ยงลุย มีลูกมุดหนีกองหน้าหลังทีมตรงข้ามที่เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว ขณะที่บุคคลส่วนตัวเวลาอยู่ในสนามก็ชอบที่จะบ่น ชอบโวยผู้ตัดสิน คือเล่นไปบ่นไปได้ตลอดทั้งเกม

       และก็มีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารมณ์อยู่บ้าง ส่วนเวลาอยู่นอกสนามบุคลิกของซัวเรซก็จะเป็นคนเงียบๆ ไม่พูดเยอะ สำหรับในรายของแกเร็ธ เบลก็ป็นนักเตะที่มีจุดเด่นที่ความเร็ว คือต้องจัดว่าเป็นนักเตะที่วิ่งได้เร็วเป็นอันดับต้นๆของโลกสมกับฉายาปีกจรวดเลย แล้วก็อีกอย่างคือลูกยิงฟรีคิกที่อันตรายมากๆ ในด้านบุคลิกส่วนตัวภายในสนามเท่าที่เห็นเกมต่างๆก็ดูเป็นคนที่เงียบๆ คือถ้าเทียบกับซัวเรซบุคลิกในสนามสำหรับเบลแล้วดูดี ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ส่วนเวนย์ รูนี่ย์ก็เป็นนักเตะในสไตล์ที่แตกต่างชัดเจนกับสองรายที่ผ่านมา จุดเด่นความสามารถต่างๆอาจจะไม่หนีกันเท่าไหร่ครับ แต่คือเวลาเล่นแล้วรู้สึกได้ว่ามีสไตล์ที่แตกต่างทั้งการเลี้ยงบอล การจ่ายบอล และการยิงประตูแตกต่างกันสิ้นเชิง

       ขณะที่บุคลิกส่วนตัวของรูนี่ย์ตามที่เห็นก็คืออาจดูเป็นนักเตะที่ห้าวๆหน่อย กระนั้นก็ยังคงมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่ในตัว อย่างไรก็ตามครับทั้งหมดที่กล่าวมาอยากจะแสดงให้เห็นว่าทั้งหมด 3 คน 3 สไตล์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าเวลานี้พวกเขากลับต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกันหมด กล่าวคือมีปัญหากับต้นสังกัดในเรื่องของการย้ายทีม โดยพวกเขา 3 คนชัดเจนว่าต้องการย้ายออกจากทีม แต่สโมสรต้นสังกัดทั้งสามสโมสรของพวกเขา ลิเวอร์พูล เชลซี สเปอร์ ก็ชัดเจนเช่นกันว่าไม่อยากจะขายพวกเขาออกจากทีม ดังนั้นน่าติดตามว่าใครจะเป็นรายแรกที่ได้ลงเอยย้ายทีมก่อนกัน

1018
       ก่อนการเปิดฤดูกาลอย่างเป็นทางการขึ้น ก็ย่อมแน่นอนว่าคนดูบอล สื่อต่างๆ รวมไปถึงผู้คนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลจะต้องมีการคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ลุ้นแชมป์ รวมถึงสถานะของทีมต่างๆว่าจะมีผลงานเป็นอย่างไรน่าจะจบอันดับที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะในลีกที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดของโลกอย่างพรีเมียร์ลีกนั้นก็แน่นอนเหลือเกินครับว่ามีการคาดการณ์จากฝ่ายต่างๆเกี่ยวกับสถานการณ์ลุ้นแชมป์มากมาย อย่างที่สื่อส่วนใหญ่เดาเอาไว้ก็คือจะเป็นทางด้านทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ กับทีมสิงห์บูล เชลซีที่ได้ขับเคี่ยวกันแย่งแชมป์

       ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง แมนฯยูไนเต็ดถูกคาดไว้ว่าพวกเขาจะป้องกันแชมป์ไม่ได้ภายใต้การนำทีมของเดวิด มอยส์ และส่วนตัวผมเองก็คาดการณ์ไว้ประมาณนี้เหมือนกัน คือคิดว่าทีมอย่างเชลซี กับ แมนฯซิตี้ได้แย่งแชมป์กันมันส์แน่ๆ แต่ตัวแปรอยู่ที่การเสริมทัพของเชลซีถ้าเชลซีไม่ได้รูนี่ย์มาร่วมทีม คิดว่าคงจะเป็นทางด้านแมนฯซิตี้ที่จะมีโอกาสที่ดีกว่าในการคว้าแชมป์ เพราะขุมกำลังของพวกเขาดูดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกแล้วตอนนี้ ส่วนทางด้านทีมอย่างอาร์เซน่อล สเปอร์ ลิเวอร์พูล รวมทั้งแมนฯยูไนเต็ดด้วย น่าจะเป็น 4 ทีมที่ขับเตี่ยวเบียดแย่งโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก และอันดับที่ 3 คือไม่น่าจถลุ้นได้ถึงแชมป์ ทีนี้มาดูกันที่ทัศนะของมูริญโญ่ยอดกุนซือของที่เก่งที่สุดคนนึงของโลกกันบ้างครับ มูริญโญ่นั้นแสดงทัศนะเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-2014 เอาไว้ว่า

       6 ทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีก อังกฤษซึ่งประกอบไปด้วยทีมอย่าง แมนฯยูไนเต็ด แมนฯซิตี้ เชลซี ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และสเปอร์ จะมีลุ้นแชมป์ด้วยกันทั้งหมด 6 ทีมเลยในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลไปจนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงปีใหม่ เวลานั้นทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นและทีมที่ได้มีลุ้นแชมป์ก็จะลดลงเหลือไม่เกิน 4 ทีม และก็จะเป็น 4 ทีมที่ขับเคี่ยวแชมป์กันไปอย่างสนุก แต่กระนั้นมูริญโญ่ยังบอกเพิ่มเติมด้วยอีกว่าสิ่งที่จะเข้ามามีส่วนในการลุ้นแชมป์ของทุกทีมก็คือระยะเวลาที่เหลือในการเสริมทัพต่อจากนี้ ว่าง่ายๆคือหากทีมไหนเสริมทัพได้ดี เสริมได้ตรงจุดก็มีลุ้นมากแชมป์ขึ้นล่ะครับ

1019
ข่าวฟุตบอล / "สเคอเทล" 12 ล้าน?
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2013, 07:21:15 PM »
       น่าจะเป็นเหมือนกับการออกมาประกาศขายอย่างเป็นทางการแล้วครับ สำหรับกองหลังชาวสโลวัก มาร์ติน สเคอเทล ของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะสื่อพากันตีข่าวว่าหงส์แดงพร้อมปล่อยเจ้าตัวให้กับทีมที่พร้อมจ่ายในราคา 12 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นไปตามคาดการณ์ในแผนการโละนักเตะของร็อดเจอร์ คือขายนักเตะที่ไม่ใช่ในแบบที่ตนเองต้องการออกจากทีมไป ขณะที่ก็พยายามนำนักเตะใหม่ๆที่ตนเองต้องการเข้ามาเสริมทีมเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่ร็อดเจอร์สเข้ามาคุมทีมก็มีนักเตะลิเวอร์พูลหลายรายแล้วที่โดนโละออกไป ทั้ง แอนดี้ คาร์โรล ล่าสุดก็เรน่าซึ่งถูกปล่อยไปให้ทางด้านของนาโปลียืมตัว

       และจริงๆแล้วตอนนี้นาโปลีภายใต้การนำของราฟาเองก็สนใจจะดึงสเคอเทลไปร่วมทีมอยู่เหมือนกัน ทว่าความสนใจของราฟานั้นคือสนใจดึงไปร่วมทีมแบบยืมตัวเช่นเดียวกับที่ดึงเรน่าไปก่อนหน้า ไม่ได้ต้องการใช้งบของทีมในการซื้อขาด ดังนั้นก็เลยสวนทางกับความต้องการของลิเวอร์พูล ความเป็นไปได้ที่สเคอเทลจะได้ย้ายไปร่วมทัพนาโปลีตอนนี้จึงเป็นเรื่องยากหน่อย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอน คือเรื่องซื้อๆขายๆนักเตะของทีมฟุตบอลต่างๆมีการพลิกพลันได้ตลอดเวลา บางทีนาโปลีอาจตัดสินใจซื้อขาดก็ได หรือบางทีลิเวอร์พูลเห็นว่าไม่มีทีมไหนมายื่นซื้อสเคอเทลไปจริงๆก็หันมาเปลี่ยนใจให้นาโปลียืม แล้วอาจมีพ่วงเงื่อนไขซื้อขาดทีหลัง อะไรแบบนี้ก็เป็นไปได้

       ส่วนสถานการณ์กองหลังในทีมลิเวอร์พูลถ้าสเคอเทลย้ายทีมจริงๆ แน่ๆเลยคือร็อดเจอร์สจะใช้ แอ็กเกอร์ กับ ตูเร่ยืนเป็นเซ็นเตอร์แบ็กคู่ แต่ตัวสำรองนี้สิ ถ้าสเคอเทลอยู่ก็จะเป็นสเคอเทล แต่ทีนี้ไม่มีสเคอเทลแล้ว ร็อดเจอร์สอาจวางไว้สองแผนคือเลือกให้โอกาสโคอาเตสกองหลังชาวอุรุกวัยที่ย้ายมาในทีมหงส์แดงนานแล้ว และยังไม่ค่อยได้โอกาสลงสนาม กับดันมาร์ติน เคลลี่ กองหลังดาวรุ่งของทีมที่เล่นได้ทั้งแบ็ก และกองหลังตัวกลาง หรืออีกทางคือซื้อกองหลังรายใหม่เข้ามาเพิ่มแล้วใช้งานทันที

หน้า: 1 ... 66 67 [68]